วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 30 ก.ย. 2563

 สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 

ชงบิ๊กตู่อัดบีโอไอคงจ้างงาน
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาอนุมัติออกมาตรการการช่วยเหลือรักษาอัตราการจ้างงาน เนื่องจากหลายบริษัทได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยบีโอไอจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่เข้าไปช่วยเหลือ เช่น การเพิ่มสิทธิประโยชน์บางด้านที่เชื่อมโยงกับค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน คาดว่า จะช่วยรักษาอัตราการจ้างงานในส่วนของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอได้มาก นอกจากนี้จะเสนอให้พิจารณาเพิ่มสาขาการส่งเสริมในกลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเซอร์คูล่าอีโคโนมี ที่ควรเพิ่มสาขาการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ไบโอแมส นำมาทำผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่มีมูลค่าสูง ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพิ่มสาขากิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ ในสาขาการวิจัยทางคลินิก เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะต้องผ่านขั้นตอนทำการวิจัยศึกษาทางคลินิก จึงต้องให้สิทธิประโยชน์ในสาขานี้ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์

สินค้าสูงวัยบูมหนัก ใช้ไฮเทคเป็นที่นิยม
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สินค้าที่มีเทรนด์เติบโตสูงมากในอนาคตต้องมีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ อาทิ หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ อุปกรณ์สมาร์ทโฮม ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายภายในบ้านอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุ อาทิ อุปกรณ์ฟื้นฟูสมอง เตียงและที่นอนอัจฉริยะสำหรับผู้สูงวัย เครื่องยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอุปกรณ์ฝึกเดิน เครื่องออกกำลังกายและกายภาพบำบัด เฟอร์นิเจอร์คอนโดมิเนียมที่เหมาะกับวัยเกษียณ และอาหารที่เหมาะกับการเคี้ยวและกลืน

ไฟเขียวก่อหนี้ 1.46 ล้านล.
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 64 โดยมีแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1,465,438 ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม 1,279,446 ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ 387,354 ล้านบาท ซึ่งการจัดทำแผนนี้ได้พิจารณาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 ที่จำเป็นต้องใช้นโยบายการคลังในการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล การกู้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ และการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้รัฐวิสาหกิจประมาณการหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ตามแผนอยู่ที่ 57.23% ใกล้เพดานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% ต่อจีดีพี

ธ.โลกหวั่นพิษโควิดซ้ำสอง
ศก.แย่สุดอาจติดลบ 10.4%
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ เวิลด์แบงก์มองติดลบ 8.3% ส่วนปีหน้าขยายตัว 4.9% โดยประเมินว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ใช้เวลาช้ากว่า 2 ปีถึงจะกลับมาสู่ฐานเดิมก่อนเกิดโควิด-19 เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 รุนแรงในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมือง มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้ได้รับผลกระทบทางด้านแรงงานนอกระบบ และแรงงานในภาคท่องเที่ยวสูง

ปั้นทีมเฉพาะกิจเร่งปรับหนี้
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งทีมเจ้าหน้าที่ ธปท.ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อดูเรื่องปรับโครงสร้างหนี้เพียงอย่างเดียว เพราะ ธปท.ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างหนี้หลังจากนี้มากแต่เชื่อว่าการปรับโครงสร้างหนี้จะมียอดเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่ยังมีน้อยเนื่องจากแต่ละธนาคารยังได้มีมาตรการพักหนี้อยู่แม้จะหมดพักหนี้เป็นการทั่วไปในเดือน ต.ค.นี้ แต่ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือ คือต่ออายุการพักหนี้ออกไป ซึ่งเป็นการพิจารณาแบบรายต่อราย ตามศักยภาพของลูกหนี้และหากลูกหนี้รายนั้นยังไม่สามารถจ่ายหนี้และยังถูกกระทบอยู่โดยคาดว่าปีหน้าจะมีการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น