สรุปข่าวโลกธุรกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า
คนไทยใช้น้ำมันเพิ่ม2% ธพ.หนุนเติมบี10ช่วยดันราคาปาล์ม
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ปี 2563 ความต้องการใช้น้ำมันทั้งประเทศจะเติบโต 2% จากปี 2562 ที่เติบโต 1.8% โดยเป็นความต้องการกลุ่มเบนซินที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 33.3 ล้านลิตร/วัน จากปี 2562 อยู่ที่ 32.2 ล้านลิตร/วัน กลุ่มดีเซลหมุนเร็วเพิ่มเป็น 71.6 ล้านลิตร/วัน จากปี 2562 อยู่ที่ 64.4 ล้านลิตร/วัน ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปีนี้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบไม่เกิน 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มจากปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากมองสถานการณ์ตะวันออกกลางคลี่คลายลง
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ปี 2563 ความต้องการใช้น้ำมันทั้งประเทศจะเติบโต 2% จากปี 2562 ที่เติบโต 1.8% โดยเป็นความต้องการกลุ่มเบนซินที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 33.3 ล้านลิตร/วัน จากปี 2562 อยู่ที่ 32.2 ล้านลิตร/วัน กลุ่มดีเซลหมุนเร็วเพิ่มเป็น 71.6 ล้านลิตร/วัน จากปี 2562 อยู่ที่ 64.4 ล้านลิตร/วัน ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปีนี้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบไม่เกิน 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มจากปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากมองสถานการณ์ตะวันออกกลางคลี่คลายลง
ธปท.ผ่อนเกณฑ์ LTV ช่วยกู้ซื้อบ้านหลังแรกง่ายขึ้น
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ทำการปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ การกำหนดอัตราส่วนสินเชื่อ ต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ Loan to Value: LTV) เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ประชาชนกู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงได้ง่ายขึ้น และบนพื้นฐานของหลักการและวัตถุประสงค์ของการมีมาตรการในการดูแล การเก็งกำไรและส่งเสริมการออมของประชาชน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ทำการปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ การกำหนดอัตราส่วนสินเชื่อ ต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ Loan to Value: LTV) เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้ประชาชนกู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงได้ง่ายขึ้น และบนพื้นฐานของหลักการและวัตถุประสงค์ของการมีมาตรการในการดูแล การเก็งกำไรและส่งเสริมการออมของประชาชน ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
กบข.โชว์สร้างผลตอบแทนลงทุน5.73%
นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นปี 2562 กบข. สร้าง ผลตอบแทนการลงทุนสำหรับสมาชิกได้ 5.73% ตอกย้ำกลยุทธ์เน้นกระจายความเสี่ยง ไปยังกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนต่ำ โดยสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้สูงประกอบด้วย ตราสารทุนโลก 18.38% กองทุนแอปโซลูทรีเทิร์น 13.33% ไพรเวทอิควิตี้ 6.38% และอสังหาริมทรัพย์ 6.16% ขณะที่ตราสารหนี้ไทยและตราสารทุนไทยให้ผลตอบแทน 4.38% และ 2.36% ตามลำดับ
นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นปี 2562 กบข. สร้าง ผลตอบแทนการลงทุนสำหรับสมาชิกได้ 5.73% ตอกย้ำกลยุทธ์เน้นกระจายความเสี่ยง ไปยังกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนต่ำ โดยสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้สูงประกอบด้วย ตราสารทุนโลก 18.38% กองทุนแอปโซลูทรีเทิร์น 13.33% ไพรเวทอิควิตี้ 6.38% และอสังหาริมทรัพย์ 6.16% ขณะที่ตราสารหนี้ไทยและตราสารทุนไทยให้ผลตอบแทน 4.38% และ 2.36% ตามลำดับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น