สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แมงเม่าเทขายหุ้น 3 แบงก์
ห่วงหนี้เน่า-กำไรไม่เข้าเป้า ดึงหุ้นไทยแดงทั้งกระดาน
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนลบ ตั้งแต่เปิดตลาดทันที เนื่องจากมีแรงขายของนักลงทุนออกมาในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน นำโดย 3 ธนาคารใหญ่ ทั้งธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ กดดันภาพรวมการลงทุน เพราะนักลงทุนกังวลการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 และภาพรวม ปี 62 ของกลุ่มสถาบันการเงิน 11 แห่ง ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ หลังจากวันที่ 17 ม.ค. 63 ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ประกาศผลการดำเนินงานปี 62 มีกำไรเพิ่มขึ้นเพียง 368 ล้านบาทเท่านั้น
ห่วงหนี้เน่า-กำไรไม่เข้าเป้า ดึงหุ้นไทยแดงทั้งกระดาน
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนลบ ตั้งแต่เปิดตลาดทันที เนื่องจากมีแรงขายของนักลงทุนออกมาในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน นำโดย 3 ธนาคารใหญ่ ทั้งธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ กดดันภาพรวมการลงทุน เพราะนักลงทุนกังวลการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 และภาพรวม ปี 62 ของกลุ่มสถาบันการเงิน 11 แห่ง ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ หลังจากวันที่ 17 ม.ค. 63 ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ประกาศผลการดำเนินงานปี 62 มีกำไรเพิ่มขึ้นเพียง 368 ล้านบาทเท่านั้น
สั่งลดดอกกู้-คืนภาษีไวช่วยเอกชน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ว่าเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินมาตรการทางด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งได้สั่งการให้ธนาคารรัฐเร่งทำโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเอสเอ็มอีเพิ่มเติม หรือถ้ามีความจำเป็นกระทรวงการคลังสามารถพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือได้ นอกจากนี้นายสมคิด ยังสั่งการให้ธนาคารรัฐไปพิจารณาลดดอกเบี้ยให้กับเอสเอ็มอี และให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางคืนภาษีให้เอสเอ็มอีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีและประชาชนทั่วไป รวมทั้งให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พิจารณาอนุญาตให้บริษัทประกันชีวิต นำเงินที่มีอยู่ไปลงทุนในต่างประเทศได้ภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้ ขณะเดียวกันให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือธสน. เร่งหามาตรการสนับสนุนเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ หรือนำเข้าเครื่องจักรเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น ขณะเดียวกันยังให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท.ไปพิจารณาหาทางนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มากขึ้น เพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาท และขอให้ ธปท.ดูแลบริหารจัดการค่าเงินให้สอดคล้องกับภูมิภาค
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ว่าเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินมาตรการทางด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งได้สั่งการให้ธนาคารรัฐเร่งทำโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเอสเอ็มอีเพิ่มเติม หรือถ้ามีความจำเป็นกระทรวงการคลังสามารถพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือได้ นอกจากนี้นายสมคิด ยังสั่งการให้ธนาคารรัฐไปพิจารณาลดดอกเบี้ยให้กับเอสเอ็มอี และให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางคืนภาษีให้เอสเอ็มอีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีและประชาชนทั่วไป รวมทั้งให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พิจารณาอนุญาตให้บริษัทประกันชีวิต นำเงินที่มีอยู่ไปลงทุนในต่างประเทศได้ภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้ ขณะเดียวกันให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือธสน. เร่งหามาตรการสนับสนุนเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ หรือนำเข้าเครื่องจักรเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น ขณะเดียวกันยังให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท.ไปพิจารณาหาทางนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มากขึ้น เพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาท และขอให้ ธปท.ดูแลบริหารจัดการค่าเงินให้สอดคล้องกับภูมิภาค
สมอ.ได้ทีเร่งออกมาตรฐาน เครื่องฟอกอากาศดักฝุ่นพิษ
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.เตรียมกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือมอก. เครื่องฟอกอากาศให้ครอบคลุมประสิทธิภาพในการใช้งาน เช่น การกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กและการกำจัดกลิ่น คาดว่าจะแล้วเสร็จและประกาศใช้ได้ภายในปีนี้ จากปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศมาตรฐานมี มอก. 1516-2549 เฉพาะด้านความปลอดภัย ควบคุมเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น ป้องกันไฟช็อต ไฟรั่ว ยังไม่ครอบคลุมเรื่องการกรองฝุ่นละออง เพื่อรองรับปัญหามลพิษฝุ่นขนาดจิ๋วในอากาศหรือพีเอ็ม 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.เตรียมกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือมอก. เครื่องฟอกอากาศให้ครอบคลุมประสิทธิภาพในการใช้งาน เช่น การกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กและการกำจัดกลิ่น คาดว่าจะแล้วเสร็จและประกาศใช้ได้ภายในปีนี้ จากปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศมาตรฐานมี มอก. 1516-2549 เฉพาะด้านความปลอดภัย ควบคุมเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น ป้องกันไฟช็อต ไฟรั่ว ยังไม่ครอบคลุมเรื่องการกรองฝุ่นละออง เพื่อรองรับปัญหามลพิษฝุ่นขนาดจิ๋วในอากาศหรือพีเอ็ม 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก
ผ่อนเกณฑ์แอลทีวีจิ๊บจ้อย
ให้กู้ซื้อเฟอร์ฯ ได้อีก 10%
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน หรือกนส. เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือแอลทีวีสำหรับสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 สำหรับมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และที่อยู่อาศัยมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านบาทในสัญญาแรก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 63 เป็นต้นไป โดยคาดว่า จะส่งผลให้สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบในปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น และทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น รวมทั้งบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัย
ให้กู้ซื้อเฟอร์ฯ ได้อีก 10%
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน หรือกนส. เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือแอลทีวีสำหรับสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 สำหรับมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และที่อยู่อาศัยมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านบาทในสัญญาแรก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 63 เป็นต้นไป โดยคาดว่า จะส่งผลให้สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบในปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น และทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น รวมทั้งบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัย
จับตาปั๊มน้ำมันลดหัวจ่ายบี 7
น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ. ได้คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 63 ซึ่งไม่รวมเอ็นจีวี คาดว่าจะเติบโต 2% จากการใช้รวมในปี 62 อยู่ที่วันละ 124.2 ล้านลิตร ภายใต้เงื่อนไขระดับราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ยไม่เกิน 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แบ่งเป็นการใช้เบนซินคาดว่าอยู่ที่วันละ 33.4 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.7% กลุ่มดีเซลวันละ 71.6 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 6.3% น้ำมันอากาศยานวันละ 20.8 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 7.4% น้ำมันเตาวันละ 6.7 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 24% ขณะที่แอลพีจีอยู่ที่วันละ 17.5 ล้านกิโลกรัม ลดลง 1.9% และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวีอยู่ที่วันละ 5 ล้านกิโลกรัม ลดลง 7.4%
น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ. ได้คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 63 ซึ่งไม่รวมเอ็นจีวี คาดว่าจะเติบโต 2% จากการใช้รวมในปี 62 อยู่ที่วันละ 124.2 ล้านลิตร ภายใต้เงื่อนไขระดับราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ยไม่เกิน 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แบ่งเป็นการใช้เบนซินคาดว่าอยู่ที่วันละ 33.4 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.7% กลุ่มดีเซลวันละ 71.6 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 6.3% น้ำมันอากาศยานวันละ 20.8 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 7.4% น้ำมันเตาวันละ 6.7 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 24% ขณะที่แอลพีจีอยู่ที่วันละ 17.5 ล้านกิโลกรัม ลดลง 1.9% และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวีอยู่ที่วันละ 5 ล้านกิโลกรัม ลดลง 7.4%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น