สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน
เอสเอ็มอีแบกต้นทุนขนส่ง1.2ล้านล.
ผลสารวจ 67% เมินลงทุนโลจิสติกส์ เสี่ยงกระทบนโยบายไทยแลนด์4.0
ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจการใช้โลจิสติกส์ของธุรกิจเอสเอ็มอี พบเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายสูงกว่าธุรกิจทุกขนาด แบกต้นทุนโลจิสติกส์ถึง 1.2 ล้านล้านบาท สะท้อนอีกว่าการใช้เทคโนโลยีในระบบโลจิสติกส์ยังน้อยมาก ไม่สอดคล้องนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล อ้างไม่มีเงินทุนและเห็นว่าไม่จำเป็น
ผลสารวจ 67% เมินลงทุนโลจิสติกส์ เสี่ยงกระทบนโยบายไทยแลนด์4.0
ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจการใช้โลจิสติกส์ของธุรกิจเอสเอ็มอี พบเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายสูงกว่าธุรกิจทุกขนาด แบกต้นทุนโลจิสติกส์ถึง 1.2 ล้านล้านบาท สะท้อนอีกว่าการใช้เทคโนโลยีในระบบโลจิสติกส์ยังน้อยมาก ไม่สอดคล้องนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล อ้างไม่มีเงินทุนและเห็นว่าไม่จำเป็น
กิฟฟารีนตั้งเป้าขาย 5 พันล.
พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ไตรมาสสุดท้ายปีนี้เตรียมใช้งบ 30 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งปี 100 ล้านบาท และล่าสุดบริษัทได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ "ปัณจะ ภูตะ" พร้อมชูกลยุทธ์ Music Marketing ภายใต้แนวคิดในการรีมายด์แบรนด์ โดยคาดว่าทั้งปี 2561 บริษัทจะมียอดขาย 5,000 ล้านบาท และมีสมาชิกกว่า 8 ล้านคน ซึ่งสัดส่วนยอดขายเป็นการบริโภคในประเทศ 90% และส่งออก 10% สำหรับตลาดรวมขายตรงยังเป็นธุรกิจที่ขยายตัวได้ จากปัจจัยหลัก คือ การปรับตัวของผู้ประกอบการ ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล และกระแสคนรักสุขภาพกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในขณะนี้ โดยเฉพาะความต้องการในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพและกลุ่มสกินแคร์
พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ไตรมาสสุดท้ายปีนี้เตรียมใช้งบ 30 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งปี 100 ล้านบาท และล่าสุดบริษัทได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ "ปัณจะ ภูตะ" พร้อมชูกลยุทธ์ Music Marketing ภายใต้แนวคิดในการรีมายด์แบรนด์ โดยคาดว่าทั้งปี 2561 บริษัทจะมียอดขาย 5,000 ล้านบาท และมีสมาชิกกว่า 8 ล้านคน ซึ่งสัดส่วนยอดขายเป็นการบริโภคในประเทศ 90% และส่งออก 10% สำหรับตลาดรวมขายตรงยังเป็นธุรกิจที่ขยายตัวได้ จากปัจจัยหลัก คือ การปรับตัวของผู้ประกอบการ ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล และกระแสคนรักสุขภาพกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในขณะนี้ โดยเฉพาะความต้องการในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพและกลุ่มสกินแคร์
'กสิกร'แจงเหตุหุ้นร่วง
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยในปี 2562 เน้นยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และใช้ศักยภาพของโมบายแบงกิ้ง เคพลัส ในการ ขับเคลื่อนธุรกิจ โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 5-7% แบ่งเป็นสินเชื่อธุรกิจโต 3-5% สินเชื่อธุรกิจผู้ประกอบการโต 2-4% และสินเชื่อบุคคลโต 9-12% อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (นิม) อยู่ที่ 3.3-3.5% อัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ติดลบ 5-77% คาดสัดส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (เอ็นพีแอล) ที่ 3.3-3.7%
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารกสิกรไทยในปี 2562 เน้นยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และใช้ศักยภาพของโมบายแบงกิ้ง เคพลัส ในการ ขับเคลื่อนธุรกิจ โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 5-7% แบ่งเป็นสินเชื่อธุรกิจโต 3-5% สินเชื่อธุรกิจผู้ประกอบการโต 2-4% และสินเชื่อบุคคลโต 9-12% อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (นิม) อยู่ที่ 3.3-3.5% อัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ติดลบ 5-77% คาดสัดส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (เอ็นพีแอล) ที่ 3.3-3.7%
กรุงไทยฟันธงเงินเฟ้อพุ่ง1.33%
สัญญาณบาทแข็งนิ่ง 33 ต่อดอลล์ จับตาตัวแปรผลเลือกตั้งในสหรัฐ
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้แนวโน้มค่าเงินบาทยังผันผวนและแข็งค่าขึ้น ซึ่งเปิดทำงานวันแรก 29 ตุลาคม แข็งค่าจาก 33.12 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นวันทำการก่อน มาอยู่ที่ 33.06 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งตามรานงานเงินเฟ้อพื้นฐานในสหรัฐ คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นไปที่ 1.97% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแรงบวกต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาคเอกชน รวมถึงการรายงานอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ยุโรป ไตรมาสที่ 3 คาดขยายตัว 0.50% จากไตรมาสที่ 2 ถือว่าค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดไว้ รวมถึงคาดการณ์ว่าที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นวันที่ 31 ตุลาคม จะคงนโยบายการเงินทั้งหมด และคาดการณ์จีดีพีญี่ปุ่นปี 2562 อาจถูกปรับลงไปต่ำกว่า 1.00% เนื่องจากผลกระทบของการกีดกันการค้า
สัญญาณบาทแข็งนิ่ง 33 ต่อดอลล์ จับตาตัวแปรผลเลือกตั้งในสหรัฐ
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้แนวโน้มค่าเงินบาทยังผันผวนและแข็งค่าขึ้น ซึ่งเปิดทำงานวันแรก 29 ตุลาคม แข็งค่าจาก 33.12 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นวันทำการก่อน มาอยู่ที่ 33.06 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งตามรานงานเงินเฟ้อพื้นฐานในสหรัฐ คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นไปที่ 1.97% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแรงบวกต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาคเอกชน รวมถึงการรายงานอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ยุโรป ไตรมาสที่ 3 คาดขยายตัว 0.50% จากไตรมาสที่ 2 ถือว่าค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดไว้ รวมถึงคาดการณ์ว่าที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นวันที่ 31 ตุลาคม จะคงนโยบายการเงินทั้งหมด และคาดการณ์จีดีพีญี่ปุ่นปี 2562 อาจถูกปรับลงไปต่ำกว่า 1.00% เนื่องจากผลกระทบของการกีดกันการค้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น