สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
สงครามการค้ามะกันระอุ ทรัมป์เล็งเป้าภาษีรถยนต์
นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. กำลังติดตามสถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่ากรณีนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐเตรียมประกาศมาตรการกีดกันทางการค้าด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากทุกประเทศ ซึ่งถ้าสหรัฐประกาศมาตรการนี้ออกมาใช้จริง เชื่อว่า จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่การผลิตรถยนต์ทั่วทั้งโลก จนทำให้เศรษฐกิจโลกในปี 62 เกิดการชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้เดิมอย่างแน่นอน
นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. กำลังติดตามสถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่ากรณีนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐเตรียมประกาศมาตรการกีดกันทางการค้าด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากทุกประเทศ ซึ่งถ้าสหรัฐประกาศมาตรการนี้ออกมาใช้จริง เชื่อว่า จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่การผลิตรถยนต์ทั่วทั้งโลก จนทำให้เศรษฐกิจโลกในปี 62 เกิดการชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้เดิมอย่างแน่นอน
เอกชนฟันธงดัชนีเชื่อมั่นฟื้น
นายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทยและประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ก.ค.61 อยู่ที่ 48.6 และดัชนีอนาคตอยู่ที่ 51.3 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากนักธุรกิจเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนีเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 50.2 เป็นครั้งแรกที่ค่าดัชนีเกินระดับ 50 ตั้งแต่สำรวจมาเดือน เม.ย.61 จากอานิสงส์การบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว ภาคบริการและการค้าชายแดนยังมีการขยายตัวโดดเด่น
นายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทยและประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ก.ค.61 อยู่ที่ 48.6 และดัชนีอนาคตอยู่ที่ 51.3 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากนักธุรกิจเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนีเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 50.2 เป็นครั้งแรกที่ค่าดัชนีเกินระดับ 50 ตั้งแต่สำรวจมาเดือน เม.ย.61 จากอานิสงส์การบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว ภาคบริการและการค้าชายแดนยังมีการขยายตัวโดดเด่น
ธปท.แนะเลือกเครื่องมือ ประกันความเสี่ยงค่าเงิน
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการด้านการส่งออกและนำเข้าของไทย ควรเลือกเครื่องมือและทำประกันความเสี่ยงให้เหมาะสมกับธุรกิจ ในช่วงนี้ที่มีความผันผวนสูงและจะผันผวนต่อไปอีกระยะ จากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก เช่น การกีดกันทางการค้าสหรัฐและจีน และความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน ด้านผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องทำประกันความเสี่ยงประเภทนี้อยู่เสมอ เช่น ใช้สกุลเงินท้องถิ่นที่ ธปท.สนับสนุน บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (เอฟซีดี) สิทธิในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (เอฟเอ็กซ์ ออพชั่น) หรือจองสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (ฟอร์เวิด คอนแทรค) เป็นต้น
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการด้านการส่งออกและนำเข้าของไทย ควรเลือกเครื่องมือและทำประกันความเสี่ยงให้เหมาะสมกับธุรกิจ ในช่วงนี้ที่มีความผันผวนสูงและจะผันผวนต่อไปอีกระยะ จากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก เช่น การกีดกันทางการค้าสหรัฐและจีน และความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน ด้านผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องทำประกันความเสี่ยงประเภทนี้อยู่เสมอ เช่น ใช้สกุลเงินท้องถิ่นที่ ธปท.สนับสนุน บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (เอฟซีดี) สิทธิในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (เอฟเอ็กซ์ ออพชั่น) หรือจองสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (ฟอร์เวิด คอนแทรค) เป็นต้น
ยันน้ำท่วมไม่กระทบจีดีพี การันตีศก.ฐานรากแข็งปั๋ง
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ปี 61 และแนวโน้มทั้งปี ว่า ผลิต ภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 4.6% โดยเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัว ทั้งการส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงภาคการผลิตขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วง ครึ่งปีแรก จีดีพีไทยขยายตัว 4.8% ซึ่งการขยายตัวในไตรมาสนี้ สศช.ได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจหมุนลงไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเป็นครั้งแรก หลังพบอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นทุกสาขา ทั้งเกษตร อุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ส่วนทั้งปี สศช.ยังคงประมาณการณ์ขยายตัวไว้ที่ 4.2-4.7% โดยมีขนาดจีดีพี 16 ล้านล้านบาท และคนไทยจะมีรายได้ต่อหัวคนละ 242,166 บาทต่อปี
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ปี 61 และแนวโน้มทั้งปี ว่า ผลิต ภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 4.6% โดยเครื่องยนต์เศรษฐกิจทุกตัว ทั้งการส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงภาคการผลิตขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วง ครึ่งปีแรก จีดีพีไทยขยายตัว 4.8% ซึ่งการขยายตัวในไตรมาสนี้ สศช.ได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจหมุนลงไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเป็นครั้งแรก หลังพบอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นทุกสาขา ทั้งเกษตร อุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ส่วนทั้งปี สศช.ยังคงประมาณการณ์ขยายตัวไว้ที่ 4.2-4.7% โดยมีขนาดจีดีพี 16 ล้านล้านบาท และคนไทยจะมีรายได้ต่อหัวคนละ 242,166 บาทต่อปี
สั่งประชุม'ไอเฟค'22ส.ค. เลือกตั้งกรรมการชุดใหม่
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ขอให้กรรมการ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (ไอเฟค) ทุกราย เข้าประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 22 ส.ค.61 เพื่อพิจารณาการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในการเลือกตั้งกรรมการใหม่ให้ครบองค์ประชุมตามกฎหมาย เนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ส.ค.61 ไอเฟคได้แจ้งข่าวผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันดังกล่าว เพื่อพิจารณาการดำเนินการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/61 และหลักเกณฑ์การเสนอชื่อบุคคลที่เข้าดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ขอให้กรรมการ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (ไอเฟค) ทุกราย เข้าประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 22 ส.ค.61 เพื่อพิจารณาการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในการเลือกตั้งกรรมการใหม่ให้ครบองค์ประชุมตามกฎหมาย เนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ส.ค.61 ไอเฟคได้แจ้งข่าวผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันดังกล่าว เพื่อพิจารณาการดำเนินการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/61 และหลักเกณฑ์การเสนอชื่อบุคคลที่เข้าดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น