สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
จีดีพีQ1/61ทะลุ 4.8%สูงสุดรอบ5ปี-เร่งลงทุนหนุนศก.โต ส่งออกพุ่ง-เงินสะพัด
นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ในไตรมาสแรกของปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 4.8 เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ 4 ในไตรมาส 4 ปี 2560 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส หรือในรอบ5 ปี และเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวเร่งขึ้นของการบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 3.6 เร่งขึ้นจากร้อยละ 3.4 ในไตรมาสก่อนหน้า
นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ในไตรมาสแรกของปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 4.8 เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ 4 ในไตรมาส 4 ปี 2560 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส หรือในรอบ5 ปี และเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวเร่งขึ้นของการบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 3.6 เร่งขึ้นจากร้อยละ 3.4 ในไตรมาสก่อนหน้า
พัฒนาแบรนด์ไทยแข่งตลาดโลก
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ปาฐกถาพิเศษในงาน "Marketteer No.1 Brand Thailand 2017-2018" ภายใต้หัวข้อการสร้างแบรนด์ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ว่ากระทรวงพาณิชย์มีนโยบายสนับสนุนสินค้าที่มีการพัฒนาแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพไปในประเทศกลุ่มอาเซียนอย่างเต็มที่ แต่ในอนาคตต้องการเห็นแบรนด์สินค้าไทยทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอีร่วมมือกับแบรนด์ต่างชาติเพื่อผลักดันแบรนด์ไทยให้เติบโตมากขึ้นในตลาดโลก เพราะปัจจุบันตลาดไทยถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับตลาดโลก ดังนั้นต้องการให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีมีความสามารถในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากขี้น ด้วยการให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อให้เอสเอ็มอีเติบโตในอาเซียนได้มากขึ้น
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ปาฐกถาพิเศษในงาน "Marketteer No.1 Brand Thailand 2017-2018" ภายใต้หัวข้อการสร้างแบรนด์ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ว่ากระทรวงพาณิชย์มีนโยบายสนับสนุนสินค้าที่มีการพัฒนาแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพไปในประเทศกลุ่มอาเซียนอย่างเต็มที่ แต่ในอนาคตต้องการเห็นแบรนด์สินค้าไทยทั้งรายใหญ่และเอสเอ็มอีร่วมมือกับแบรนด์ต่างชาติเพื่อผลักดันแบรนด์ไทยให้เติบโตมากขึ้นในตลาดโลก เพราะปัจจุบันตลาดไทยถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับตลาดโลก ดังนั้นต้องการให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีมีความสามารถในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากขี้น ด้วยการให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อให้เอสเอ็มอีเติบโตในอาเซียนได้มากขึ้น
บอร์ด PPPอัดงบ4.47แสนล. เร่ง 3 โครงการ Fast Track
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ PPP ครั้งที่ 2/2561 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า คณะกรรมการ PPP ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดโครงการภายใต้มาตรการ PPP Fast Track ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ PPP ครั้งที่ 2/2561 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า คณะกรรมการ PPP ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดโครงการภายใต้มาตรการ PPP Fast Track ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้
'SGP'ฐานะการเงินแกร่ง-กำไร 'ทริส'เพิ่มเครดิตองค์กร-หุ้นกู้
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) เปิดเผยว่าบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง)ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เป็นระดับ "BBB+" จากเดิมที่ระดับ "BBB" ในขณะเดียวกันยังได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทเป็นระดับ "A+" จากเดิมที่ระดับ "A" ด้วย ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงความสามารถของบริษัทในการทำกำไรแม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาก๊าซก็ตาม
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) เปิดเผยว่าบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง)ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เป็นระดับ "BBB+" จากเดิมที่ระดับ "BBB" ในขณะเดียวกันยังได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทเป็นระดับ "A+" จากเดิมที่ระดับ "A" ด้วย ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงความสามารถของบริษัทในการทำกำไรแม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาก๊าซก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น