วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 01 ก.พ. 2561

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน
ผู้ซื้อรถคันแรกโวยโอนไม่ได้ เหตุสรรพสามิตถูก'สตง.'สอบ พบผิดเงื่อนไขต้องคืนเงินแสน
ผู้ซื้อรถคันแรกตามโครงการรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์โวย ครอบครองครบ 5 ปีตามเกณฑ์แต่โอนไม่ได้ เหตุกรมสรรพสามิตถูก สตง.ตรวจสอบทำผิดเงื่อนไข ปล่อยประชาชนกว่า 1 แสนรายยื่นเอกสารเพิ่มเกินกำหนดขอใช้สิทธิ หากสรุปทำผิดเงื่อนไขทุกคนต้องคืนเงิน 1 แสนบาท รวมทั้งหมดกว่าหมื่นล้านบาท
ธปท.มองเทรนด์เศรษฐกิจโตสูง
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาคธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2561 มีแนวโน้มจะสูงกว่าที่ ธปท. ประมาณการไว้ที่ 3.9% เพราะการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาตามทิศทางของเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่าจีดีพีโลกจะขยายตัว 3.9% ในปีนี้ คาดว่าการส่งออกยังขยายตัวดีแต่ชะลอลงที่ 4.0% จากฐานที่สูงในปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวสูงถึง 9.7% สูงกว่า ธปท. ประมาณการไว้ว่าจะขยายตัว 9.3% รวมทั้งแรงหนุนจากการบริโภคที่คาดขยายตัว 3.1% แต่ยังไม่รวมงบกลางปี ที่มีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เฟส 2 นอกจากนี้ ยังมีมาตรการลดหย่อนภาษีเที่ยวเมืองรอง ทั้งสองปัจจัยคาดว่าจะกระตุ้นการบริโภคและทำให้เศรษฐกิจกระจายตัวมากขึ้น ขณะที่การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะเป็นแรงหนุนคาดขยายตัว 9.0% ส่วนการลงทุนเอกชนคาดว่าจะ ขยายตัว 2.3%
บาทแข็งดันข้าวไทยแพง เดือนแรกพุ่ง3%สูงกว่าคู่แข่ง ผู้ส่งออกจี้สกัดหวั่นเสียตลาด
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคม ผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมคาดการณ์ปริมาณส่งออกข้าวไทยปี 2561 ไว้ที่ 9.5 ล้านตัน มีมูลค่าประมาณ 4,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท ประมาณ 137,000 ล้านบาท (อิงค่าบาท 31.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ) ลดลงจากปี 2560 ที่มีปริมาณส่งออก 11.6 ล้านตัน มูลค่า 5,167 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทประมาณ 174,503 ล้านบาท ซึ่งเป็นอันดับ 2 รองจากอินเดีย ที่ส่งออก 12 ล้านตัน และปีนี้อินเดียยังเป็นประเทศส่งออกข้าวมากสุดของโลก
อนุมัติบริจาคกองทุนใช้ลดภาษี
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 30 มกราคม มีมติเห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวม 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทุนสนับสนุนการวิจัย กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข ซึ่งการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับคาดว่าเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้-31 ธันวาคม 2562 บุคคลธรรมดาให้หักลดหย่อนได้เป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาแล้ว ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆ แล้ว ส่วนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลให้หักรายจ่ายได้เป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา และรายจ่ายที่กำหนดแล้วต้องไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป การหักลดหย่อนเหลือเพียง 1 เท่า โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 4 กองทุนไม่ได้สิทธิในการลดหย่อนภาษี
'บีโอไอ'ถกหอค้าตปท.ชวนลงทุนขยายธุรกิจ
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม บีโอไอได้จัดการประชุมหารือกับหอการค้าต่างประเทศในไทย โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลบีโอไอ เป็นประธานและมีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจแก่นักธุรกิจต่างชาติต่อการส่งเสริมการลงทุนของไทย และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับกิจกรรมทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรมารองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายต่างๆ และที่สำคัญ คือ ความพยายามในการปรับปรุงการอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจในประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น