สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
สารพัดเสี่ยงชนอสังหาฯ
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ. แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ ยังต้องเผชิญกับสารพัดปัจจัยเสี่ยงทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท. ยกเลิกมาตรการผ่อนคลายอัตราการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) การปรับอัตราค่าธรรมเนียมการโอนจาก 0.01% เป็น 1% ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ราคาประเมินที่ดินใหม่ที่เพิ่มขึ้น 8-10% ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น 5-8% และความไม่แน่นอนทางการเมือง ล้วนเป็นปัจจัยที่กระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัย และมีผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 5-10% ขณะที่แนวโน้มการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ใน กทม.และปริมณฑล มีแนวโน้มเติบโต 5-15% และการโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มเติบโต 0-10% ขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 66 หลังจากปี 65 เปิดตัวโครงการใหม่ไป 394 โครงการ มูลค่า 457,605 ล้านบาท
รอกุมขมับดอกเบี้ยขึ้นแน่
แบงก์เชื่อกนง.ขยับ 0.25% เกาะติดค่าบาทยังผันผวน
น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการและผู้บริหารกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์ตลาดเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ประเมินการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1.50% โดยนักลงทุนจะติดตามการประเมินของกนง.เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งเจอความไม่แน่นอนจากภาวะการค้าโลกแต่ได้แรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว รวมถึงสัญญาณเงินเฟ้อในภาคบริการ และสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าสกุลเงินคู่ค้า และมองว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เริ่มกลับทิศอาจช่วยจำกัดการแข็งค่าที่ร้อนแรงของเงินบาทได้บ้างในระยะนี้
จ่อใช้ 'บิลค่าไฟ' หนุนปล่อยกู้
นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วย รมต.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ธนาคารกรุงไทย และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร เกี่ยวกับการนำข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลการชำระค่าไฟฟ้า มาใช้ประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนและเอสเอ็มอีรายย่อยในต่างจังหวัด ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนและสภาพคล่องในระบบ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสินเชื่อในสถาบันการเงินในอนาคต คาดว่าเริ่มใช้ได้ในเดือน เม.ย.66 เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ไทยให้กับประชาชนคนไทย
ชง 'พรบ.ปาล์ม' ดันยกเครื่อง
ตั้งกองทุนฯ เหมือนสวนยาง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีการแก้ไขปัญหาปาล์มในระยะยาว ว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังผลักดันให้มีการออก พ.ร.บ.ปาล์มยั่งยืน โดยมีสาระสำคัญคือ 1.ให้มีกองทุนสงเคราะห์การทำสวนปาล์มเกิดขึ้น เช่นเดียวกับกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง 2.มีการจัดทำโครงสร้างกำกับราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ 3.มีกฎเกณฑ์กติกากำกับดูแลเรื่องปาล์มครบวงจรเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และมีมาตรการให้ปาล์มมีความยั่งยืน เป็นประโยชน์ด้านเศรษฐกิจที่ครบวงจรต่อไป
'ทัวร์จีน' พาเหรดเที่ยวไทย ททท.ลุ้นนทท. 30 ล้านคน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กลุ่มทัวร์จีนเที่ยวบินแรกที่บินเข้าไทยหลังรัฐบาลจีนอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์ได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.65 จะถึงไทยในเวลา 08.00 น. ที่สนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบินสปริงแอร์ แบบเต็มลำ ขณะเดียวกันนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมนำคณะ ททท. และภาคเอกชนด้านท่องเที่ยวกว่า 60 ราย ไปโรดโชว์ ในเมืองกว่างโจว เซี่ยงไฮ้ และ เฉิงตู เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน โดยยอมรับว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวกลับมาเร็วเกินกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งเรื่องสำคัญต้องไปหามาตรการเพื่อต่ออายุให้กับไกด์นำเที่ยว เพื่อเตรียมพร้อมรับกลุ่มทัวร์
กางแผนบุกต่างประเทศ คาดเสื้อผ้าไทยโตที่ 3.1%
นายยศเทพ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด เปิดเผยถึงแผนการขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียนในปี 66 ว่า จากข้อมูลของ Statista คาดว่าในปี 66 ตลาดเครื่องแต่งกายของไทยจะเติบโต 3.1% ขณะที่เวียดนามเติบโต 7.7%, กัมพูชา 7.5%, มาเลเซีย 8.2% ฟิลิปปินส์ 11.1% บริษัทจึงวางกลยุทธ์ในการรุกตลาดต่างประเทศ ทั้งด้านแบรนด์ที่เข้าไปทำตลาดและช่องทางการจำหน่าย ได้แก่ กลุ่มอิน-เอาส์ ที่เป็นแบรนด์ของบริษัท ยัสปาล ซึ่งให้ความสำคัญ อย่างลิน ซีซี ดับเบิ้ล โอ ซีพีเอส แชปส์ และยัสปาล เป็นต้น โดยเพิ่มจำนวนช่องทางการจำหน่ายทั้งแบบร้านค้าและอีคอมเมิร์ซ ได้วางแผนเปิดร้านแรกที่กัมพูชา ในไตรมาสแรกปี 66
ปตท.สผ.บุกธุรกิจเต็มสูบ
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ. พร้อมเดินหน้าการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง มีต้นทุนและความเสี่ยงต่ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย เมียนมา มาเลเซีย และตะวันออกกลาง โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ออสเตรเลีย โดยอยู่ระหว่างพิจารณาตัดสินว่า จะขายการลงทุนในแปลงสำรวจเอซี อาร์แอล 7 หรือแคช-เมเปิล ประเทศออสเตรเลีย จะพัฒนาร่วมกับโครงการอื่นที่อยู่ใกล้เคียง คาดว่า มีความชัดเจนภายในปี 66
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น