วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 24 ม.ค. 2566

 สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 

สารพัดเสี่ยงชนอสังหาฯ
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ. แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ ยังต้องเผชิญกับสารพัดปัจจัยเสี่ยงทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท. ยกเลิกมาตรการผ่อนคลายอัตราการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) การปรับอัตราค่าธรรมเนียมการโอนจาก 0.01% เป็น 1% ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ราคาประเมินที่ดินใหม่ที่เพิ่มขึ้น 8-10% ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น 5-8% และความไม่แน่นอนทางการเมือง ล้วนเป็นปัจจัยที่กระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัย และมีผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 5-10% ขณะที่แนวโน้มการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ใน กทม.และปริมณฑล มีแนวโน้มเติบโต 5-15% และการโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มเติบโต 0-10% ขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 66 หลังจากปี 65 เปิดตัวโครงการใหม่ไป 394 โครงการ มูลค่า 457,605 ล้านบาท

รอกุมขมับดอกเบี้ยขึ้นแน่
แบงก์เชื่อกนง.ขยับ 0.25% เกาะติดค่าบาทยังผันผวน
น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการและผู้บริหารกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์ตลาดเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ประเมินการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1.50% โดยนักลงทุนจะติดตามการประเมินของกนง.เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งเจอความไม่แน่นอนจากภาวะการค้าโลกแต่ได้แรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว รวมถึงสัญญาณเงินเฟ้อในภาคบริการ และสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าสกุลเงินคู่ค้า และมองว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เริ่มกลับทิศอาจช่วยจำกัดการแข็งค่าที่ร้อนแรงของเงินบาทได้บ้างในระยะนี้

จ่อใช้ 'บิลค่าไฟ' หนุนปล่อยกู้
นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วย รมต.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ธนาคารกรุงไทย และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร เกี่ยวกับการนำข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลการชำระค่าไฟฟ้า มาใช้ประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนและเอสเอ็มอีรายย่อยในต่างจังหวัด ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนและสภาพคล่องในระบบ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสินเชื่อในสถาบันการเงินในอนาคต คาดว่าเริ่มใช้ได้ในเดือน เม.ย.66 เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ไทยให้กับประชาชนคนไทย

ชง 'พรบ.ปาล์ม' ดันยกเครื่อง
ตั้งกองทุนฯ เหมือนสวนยาง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีการแก้ไขปัญหาปาล์มในระยะยาว ว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังผลักดันให้มีการออก พ.ร.บ.ปาล์มยั่งยืน โดยมีสาระสำคัญคือ 1.ให้มีกองทุนสงเคราะห์การทำสวนปาล์มเกิดขึ้น เช่นเดียวกับกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง 2.มีการจัดทำโครงสร้างกำกับราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ 3.มีกฎเกณฑ์กติกากำกับดูแลเรื่องปาล์มครบวงจรเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และมีมาตรการให้ปาล์มมีความยั่งยืน เป็นประโยชน์ด้านเศรษฐกิจที่ครบวงจรต่อไป

'ทัวร์จีน' พาเหรดเที่ยวไทย ททท.ลุ้นนทท. 30 ล้านคน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กลุ่มทัวร์จีนเที่ยวบินแรกที่บินเข้าไทยหลังรัฐบาลจีนอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์ได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.65 จะถึงไทยในเวลา 08.00 น. ที่สนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบินสปริงแอร์ แบบเต็มลำ ขณะเดียวกันนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมนำคณะ ททท. และภาคเอกชนด้านท่องเที่ยวกว่า 60 ราย ไปโรดโชว์ ในเมืองกว่างโจว เซี่ยงไฮ้ และ เฉิงตู เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน โดยยอมรับว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวกลับมาเร็วเกินกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งเรื่องสำคัญต้องไปหามาตรการเพื่อต่ออายุให้กับไกด์นำเที่ยว เพื่อเตรียมพร้อมรับกลุ่มทัวร์

กางแผนบุกต่างประเทศ คาดเสื้อผ้าไทยโตที่ 3.1%
นายยศเทพ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด เปิดเผยถึงแผนการขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียนในปี 66 ว่า จากข้อมูลของ Statista คาดว่าในปี 66 ตลาดเครื่องแต่งกายของไทยจะเติบโต 3.1% ขณะที่เวียดนามเติบโต 7.7%, กัมพูชา 7.5%, มาเลเซีย 8.2% ฟิลิปปินส์ 11.1% บริษัทจึงวางกลยุทธ์ในการรุกตลาดต่างประเทศ ทั้งด้านแบรนด์ที่เข้าไปทำตลาดและช่องทางการจำหน่าย ได้แก่ กลุ่มอิน-เอาส์ ที่เป็นแบรนด์ของบริษัท ยัสปาล ซึ่งให้ความสำคัญ อย่างลิน ซีซี ดับเบิ้ล โอ ซีพีเอส แชปส์ และยัสปาล เป็นต้น โดยเพิ่มจำนวนช่องทางการจำหน่ายทั้งแบบร้านค้าและอีคอมเมิร์ซ ได้วางแผนเปิดร้านแรกที่กัมพูชา ในไตรมาสแรกปี 66

ปตท.สผ.บุกธุรกิจเต็มสูบ
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ. พร้อมเดินหน้าการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง มีต้นทุนและความเสี่ยงต่ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย เมียนมา มาเลเซีย และตะวันออกกลาง โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ออสเตรเลีย โดยอยู่ระหว่างพิจารณาตัดสินว่า จะขายการลงทุนในแปลงสำรวจเอซี อาร์แอล 7 หรือแคช-เมเปิล ประเทศออสเตรเลีย จะพัฒนาร่วมกับโครงการอื่นที่อยู่ใกล้เคียง คาดว่า มีความชัดเจนภายในปี 66

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น