สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน
กลุ่มพลังงานรับลูก'สุพัฒนพงษ์
ดึงปตท.-กฟผ.เทรนจ้างงานน.ศ. กระตุ้นศก.-ผุด'บิ๊กดาต้า'เชิงลึก
ก.พลังงานเร่งหารือกลุ่ม ปตท.-กฟผ.คิดโครงการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่สนองนโยบาย'สุพัฒนพงษ์' ปรับโครงการเงินกู้มิยาซาวาปี'40 มาใช้ ประเดิมใช้เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานปีงบ'63 ไม่ต่ำกว่า 3,000 ลบ.อัดฉีด ชี้ น.ศ.จบใหม่จะได้รับการอบรมพลังงานก่อนออกไปให้ความรู้ ปชช.สำรวจพื้นที่ หวังเป็นบิ๊กดาต้าด้านพลังงานเชิงลึกครั้งแรกของประเทศ
ดึงปตท.-กฟผ.เทรนจ้างงานน.ศ. กระตุ้นศก.-ผุด'บิ๊กดาต้า'เชิงลึก
ก.พลังงานเร่งหารือกลุ่ม ปตท.-กฟผ.คิดโครงการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่สนองนโยบาย'สุพัฒนพงษ์' ปรับโครงการเงินกู้มิยาซาวาปี'40 มาใช้ ประเดิมใช้เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานปีงบ'63 ไม่ต่ำกว่า 3,000 ลบ.อัดฉีด ชี้ น.ศ.จบใหม่จะได้รับการอบรมพลังงานก่อนออกไปให้ความรู้ ปชช.สำรวจพื้นที่ หวังเป็นบิ๊กดาต้าด้านพลังงานเชิงลึกครั้งแรกของประเทศ
สมอ.ทำลายสินค้าเถื่อน 7กลุ่มกว่า1พันล้านบาท
นายจุลพงษ์ ทวีศรี ประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้อายัดสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่จำหน่ายในท้องตลาด และทางออนไลน์จำนวนมาก จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562-31 กรกฎาคม 2563 ได้อายัดมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้า 7 ประเภท คือ เหล็กและวัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ได้แก่ ยางล้อ ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ ปิโตรเลียม เคมี และพอลิเมอร์ ผลิตภัณฑ์โภคภัณฑ์ ได้แก่ ของเล่น ผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
นายจุลพงษ์ ทวีศรี ประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้อายัดสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่จำหน่ายในท้องตลาด และทางออนไลน์จำนวนมาก จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562-31 กรกฎาคม 2563 ได้อายัดมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้า 7 ประเภท คือ เหล็กและวัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ได้แก่ ยางล้อ ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ ปิโตรเลียม เคมี และพอลิเมอร์ ผลิตภัณฑ์โภคภัณฑ์ ได้แก่ ของเล่น ผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์
กำไรบจ.ครึ่งปีลดฮวบ58.7%
พิษ'โรคระบาด'ปรับตัวมุ่งดิจิทัล เกษตร-อาหาร-ไฮเทคได้อานิสงส์
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในปี 2563 มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย จำนวน 691 บริษัท หรือคิดเป็น 95.4% จากทั้งหมด 724 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือเอ็นซี และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือเอ็นพีจี) นำส่งผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกของปี 2563 และไตรมาส 2/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บจ.ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 456 บริษัท สัดส่วนคิดเป็น 66.0% ของ บจ.ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
พิษ'โรคระบาด'ปรับตัวมุ่งดิจิทัล เกษตร-อาหาร-ไฮเทคได้อานิสงส์
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในปี 2563 มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย จำนวน 691 บริษัท หรือคิดเป็น 95.4% จากทั้งหมด 724 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือเอ็นซี และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือเอ็นพีจี) นำส่งผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกของปี 2563 และไตรมาส 2/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บจ.ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 456 บริษัท สัดส่วนคิดเป็น 66.0% ของ บจ.ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ส่งออกแนวโน้มขยาย 'ทีเอ็มบี'ชี้3กลุ่มสดใส
รายงานจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ประเมินทิศทางการส่งออกสินค้าในครึ่งปีหลัง 2563 ว่าครึ่งปีแรกสถานการณ์การส่งออกของไทยที่ไม่รวมสินค้ารายการพิเศษ (ทองและอาวุธ) ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนถึง 11.9% โดยลดลงมากที่สุดในไตรมาส 2 ถึง 20.9% สาเหตุเกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงต่อเนื่องมาถึงในครึ่งปีหลัง 2563 แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 แนวโน้มจะคลี่คลายในหลายประเทศ แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องต่อสู้กับการระบาดอยู่ อย่างไรก็ตาม ประเมินแบ่งการฟื้นตัวของการส่งออกได้ 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มหนึ่ง สินค้าที่คาดว่าจะเติบโตในช่วงโควิด-19 ได้แก่ อาหาร อาหารสัตว์ ผักผลไม้ ยารักษาโรคและเครื่องมือแพทย์ สินค้ากลุ่มนี้ล้วนเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อผู้บริโภค กลุ่มสอง สินค้าที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ได้แก่ เครื่องดื่ม พลังงาน เคมีภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน สินค้าอุปโภค เครื่องจักรกล สินค้าเกษตร และกลุ่มสาม สินค้าที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปี 2564 ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์เหล็ก เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ
รายงานจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ประเมินทิศทางการส่งออกสินค้าในครึ่งปีหลัง 2563 ว่าครึ่งปีแรกสถานการณ์การส่งออกของไทยที่ไม่รวมสินค้ารายการพิเศษ (ทองและอาวุธ) ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนถึง 11.9% โดยลดลงมากที่สุดในไตรมาส 2 ถึง 20.9% สาเหตุเกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงต่อเนื่องมาถึงในครึ่งปีหลัง 2563 แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 แนวโน้มจะคลี่คลายในหลายประเทศ แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องต่อสู้กับการระบาดอยู่ อย่างไรก็ตาม ประเมินแบ่งการฟื้นตัวของการส่งออกได้ 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มหนึ่ง สินค้าที่คาดว่าจะเติบโตในช่วงโควิด-19 ได้แก่ อาหาร อาหารสัตว์ ผักผลไม้ ยารักษาโรคและเครื่องมือแพทย์ สินค้ากลุ่มนี้ล้วนเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อผู้บริโภค กลุ่มสอง สินค้าที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ได้แก่ เครื่องดื่ม พลังงาน เคมีภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน สินค้าอุปโภค เครื่องจักรกล สินค้าเกษตร และกลุ่มสาม สินค้าที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปี 2564 ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์เหล็ก เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ
อสังหาฯมิย.สัญญาณฟื้น กว่า4หมื่นยูนิตรอเปิดตัว
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือแอลพีเอ็น เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายและการรับรู้รายได้ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2563 จากผลการศึกษาพบว่า อาคารชุดที่มีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า หรือทำเลที่เดินทางได้สะดวก โดยเฉพาะ ทำเลคลองสาน-วงเวียนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดมีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 30-50% ของมูลค่าโครงการที่เปิดขาย ขณะที่ทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดที่ระดับราคา 2-5 ล้านบาท ในทำเลที่เดินทางสะดวกใกล้แนวรถไฟฟ้า ถนน และรถขนส่งสาธารณะ อย่างทำเลอ่อนนุช-พัฒนาการ มียอดขายเฉลี่ย 15-18% ของมูลค่าโครงการที่เปิดขาย ขณะที่บ้านเดี่ยว 6-20 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 10-13% ของมูลค่าโครงการที่เปิดขายในช่วงที่ผ่านมา
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือแอลพีเอ็น เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายและการรับรู้รายได้ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2563 จากผลการศึกษาพบว่า อาคารชุดที่มีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า หรือทำเลที่เดินทางได้สะดวก โดยเฉพาะ ทำเลคลองสาน-วงเวียนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดมีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 30-50% ของมูลค่าโครงการที่เปิดขาย ขณะที่ทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดที่ระดับราคา 2-5 ล้านบาท ในทำเลที่เดินทางสะดวกใกล้แนวรถไฟฟ้า ถนน และรถขนส่งสาธารณะ อย่างทำเลอ่อนนุช-พัฒนาการ มียอดขายเฉลี่ย 15-18% ของมูลค่าโครงการที่เปิดขาย ขณะที่บ้านเดี่ยว 6-20 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 10-13% ของมูลค่าโครงการที่เปิดขายในช่วงที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น