สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน
กสทช.เคาะเรียง17ช่องทีวีดิจิทัล
อนุมัติใช้คลื่นทดลอง'เรียนสนุก' หนุนเพื่อศึกษาไม่เน้นหารายได้
กสทช.อนุมัติเรียงลำดับหมายเลขรายการเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน ศึกษาผ่านทางไกล และเพื่อการอาชีวศึกษา 17 ช่อง ตั้งแต่ 37-53 ไฟเขียวไทยพีบีเอสใช้ความถี่ชั่วคราวทำช่องทีวีเรียนสนุก หนุนการเรียนรู้ของเยาวชนและครอบครัว ไม่เน้นหารายได้ ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้
อนุมัติใช้คลื่นทดลอง'เรียนสนุก' หนุนเพื่อศึกษาไม่เน้นหารายได้
กสทช.อนุมัติเรียงลำดับหมายเลขรายการเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน ศึกษาผ่านทางไกล และเพื่อการอาชีวศึกษา 17 ช่อง ตั้งแต่ 37-53 ไฟเขียวไทยพีบีเอสใช้ความถี่ชั่วคราวทำช่องทีวีเรียนสนุก หนุนการเรียนรู้ของเยาวชนและครอบครัว ไม่เน้นหารายได้ ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้
'ไทยแอร์เอเชีย'พับแผนขยายฝูงบิน
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเอเอวี และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (ทีเอเอ) กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,399 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเดียวของปีก่อน และมีผลขาดทุนสุทธิ 671 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 4.5 ล้านคน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน 23% และมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 84% โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเส้นทางบินและปรับแผนปริมาณที่นั่ง รวมถึงลดความถี่และยกเลิกเส้นทางบินในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาดไวรัส ส่งผลให้ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารอยู่ที่ 4,834 ล้านที่นั่ง ลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเอเอวี และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (ทีเอเอ) กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,399 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเดียวของปีก่อน และมีผลขาดทุนสุทธิ 671 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 4.5 ล้านคน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน 23% และมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 84% โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเส้นทางบินและปรับแผนปริมาณที่นั่ง รวมถึงลดความถี่และยกเลิกเส้นทางบินในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาดไวรัส ส่งผลให้ปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารอยู่ที่ 4,834 ล้านที่นั่ง ลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
มะกันดันย้ายฐานเข้าไทย
ชื่นชมแก้ปัญหาโควิดดีเยี่ยม พร้อมปลดล็อกพ้นจับตามอง
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าคารวะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กระทรวงพาณิชย์ เนื่องในโอกาสนายไมเคิลเข้ามารับตำแหน่ง ประจำประเทศไทย
ชื่นชมแก้ปัญหาโควิดดีเยี่ยม พร้อมปลดล็อกพ้นจับตามอง
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าคารวะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่กระทรวงพาณิชย์ เนื่องในโอกาสนายไมเคิลเข้ามารับตำแหน่ง ประจำประเทศไทย
'บี.กริม'โชว์กำเงินสด2.1หมื่นล. มั่นใจไม่กระทบจ่ายหนี้-ลงทุน
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ เติบโต 9.4% ที่ 11,223 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง 944 เมกะวัตต์ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จากสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ 4 โครงการในปีที่แล้ว และการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2 แห่งได้แก่ โครงการ SPP1 ในปี 2562 และล่าสุดโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทองเพาเวอร์ ขนาด 123 เมกะวัตต์ ในเดือนมีนาคม 2563 โดยปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมยังคงมีความแข็งแกร่งในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากมูลค่าทางบัญชีของเงินกู้สกุลต่างประเทศ) อยู่ที่ 1,158 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 682 ล้านบาท เติบโตถึง 54.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ เติบโต 9.4% ที่ 11,223 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง 944 เมกะวัตต์ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จากสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ 4 โครงการในปีที่แล้ว และการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2 แห่งได้แก่ โครงการ SPP1 ในปี 2562 และล่าสุดโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทองเพาเวอร์ ขนาด 123 เมกะวัตต์ ในเดือนมีนาคม 2563 โดยปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมยังคงมีความแข็งแกร่งในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากมูลค่าทางบัญชีของเงินกู้สกุลต่างประเทศ) อยู่ที่ 1,158 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 682 ล้านบาท เติบโตถึง 54.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
'เอฟพีที'ยิ้มรง.เช่าพื้นที่ทุบสถิติ ลุ้น'ไวรัส'สงบลุยอสังหาเต็มสูบ
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในไทยเปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2563 บริษัทมีรายได้รวม 5,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 7.60% หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและเศรษฐกิจในประเทศ มีกำไรสุทธิ 851 ล้านบาท เติบโตกว่า 9.42% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากรายการบันทึกกำไรขายที่ดินและเงินลงทุนมูลค่า 414 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าว เช่น กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรม 443 ล้านบาท โดยมีการรับรู้รายได้จากการขายหน่วยทรัสต์ FTREIT และการขายที่ดินในพื้นที่อีอีซีให้กับกลุ่มไมเดีย ทั้งนี้บริษัทมียอดพื้นที่เช่าใหม่สะสม 52,000 ตารางเมตร ณ เดือนมีนาคม 2563 ชะลอตัวจากสัญญาเช่าระยะสั้นที่หมดอายุ และข้อจำกัดการทำการตลาดภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจากสถานการณ์โควิด-19
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในไทยเปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2563 บริษัทมีรายได้รวม 5,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 7.60% หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและเศรษฐกิจในประเทศ มีกำไรสุทธิ 851 ล้านบาท เติบโตกว่า 9.42% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากรายการบันทึกกำไรขายที่ดินและเงินลงทุนมูลค่า 414 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าว เช่น กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรม 443 ล้านบาท โดยมีการรับรู้รายได้จากการขายหน่วยทรัสต์ FTREIT และการขายที่ดินในพื้นที่อีอีซีให้กับกลุ่มไมเดีย ทั้งนี้บริษัทมียอดพื้นที่เช่าใหม่สะสม 52,000 ตารางเมตร ณ เดือนมีนาคม 2563 ชะลอตัวจากสัญญาเช่าระยะสั้นที่หมดอายุ และข้อจำกัดการทำการตลาดภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจากสถานการณ์โควิด-19
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น