วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 05 มี.ค. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 
ติดตั้งโฟคอลในเปอโยต์
นายยอร์ก บรอยเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า เปอโยต์ได้ร่วมมือกับโฟคอล แบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกสัญชาติฝรั่งเศส โดยการติดตั้งเครื่องเสียงซึ่งมี 2 แบบในรถเปอโยต์ รุ่น 3008 และรุ่น 5008 สำหรับช่วงแนะนำในราคาพิเศษเริ่มต้น 33,500 บาท ถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ เชื่อว่าสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเปอโยต์ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ได้ฟังเพลงจากระบบเครื่องเสียงไฮเอนด์ของโฟคอลสามารถเพิ่มความสุขในการเดินทาง นอกจากนี้ยังรับประกันให้ด้วย
ตะลึง! เฟดหั่นดอกเบี้ย 0.5%
ประคองเศรษฐกิจฉุกเฉิน ฉุดตลาดเงิน-หุ้นผันผวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% มาอยู่ที่ 1-1.25% ในลักษณะแบบฉุกเฉิน เพราะตามรอบการประชุมเฟดปกติ จะจัดขึ้นในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ทำให้สร้างความประหลาดใจแก่นักวิเคราะห์ทุกสำนัก และประเมินว่าสหรัฐต้องการใช้มาตรการทางการเงินแบบยาแรงและเร่งด่วน เพื่อประคองเศรษฐกิจในปีนี้ ทำให้ตลาดการเงินของไทย เปิดตลาดวันที่ 4 มี.ค.ค่าเงินบาทแข็งค่า 31.38 บาทต่อดอลลาร์ จากปิดตลาดวันก่อนหน้า 31.55 บาทต่อดอลลาร์ คาดว่าค่าเงินบาทยังคงผันผวนในช่วงเวลานี้ และตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนเพิ่มขึ้นสลับลดลงตลอดทั้งวัน รวมทั้งราคาทองคำที่เปิดตลาดเพิ่มขึ้นถึง 600 บาท และยังต้องติดตามต่อทั้งตลาดเงินและตลาดทุน
ออริจิ้นปรับแผนใหม่ปี 63 เปิด 14 โครงการ
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ปรับแผนงานใหม่โดยลดจำนวนโครงการเปิดใหม่เหลือ 14 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท เน้นแนวราบที่เป็นบ้านจัดสรร 10 โครงการ และคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นตึกสูง ใช้เงินลงทุนเยอะและเวลาก่อสร้างนานเหลือ 4 โครงการ พร้อมกับลดเป้ายอดขายเหลือ 21,500 ล้านบาท จากปี 62 มียอดขาย 29,000 ล้านบาท และมีรายได้ 16,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดรับกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าหากสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลี่คลายมีโอกาสจะเปิดคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 4 โครงการใหม่
ธุรกิจเล็กปิดกิจการหนีตาย มีเงินช้อปได้ของดี-ราคาถูก
นายนิพันธ์ ศรีสุขุมบวรชัย หัวหน้าสายงานลูกค้าและการตลาดหัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจครอบครัวและหุ้นส่วนสายงานภาษีและกฎหมาย บริษัท พีดับเบิ้ลยูซีประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเป็นชนวนที่ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 เดือนนี้ มีโอกาสเห็นธุรกิจขนาดเล็กเริ่มปิดกิจการเพิ่มขึ้น และภาคการผลิตทยอยปิดตัวชั่วคราวและถาวร ขณะเดียวกันยังเกิดปัญหาภัยแล้งและความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณ จึงแนะนำให้ธุรกิจครอบครัวและเอสเอ็มอีขนาดเล็กในช่วงนี้ตั้งรับกับสถานการณ์ให้ดี โดยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อประคับประคองธุรกิจให้รอดพ้นจากความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ
12 อุตสาหกรรมเดี้ยงพิษโควิด
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือกกร. ประกอบด้วย ส.อ.ท. หอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่า ส.อ.ท.ได้นำเสนอบทวิเคราะห์ผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสำรวจทั้งหมด 45 กลุ่มพบว่า มี 12 อุตสาหกรรม ที่ได้รับ ผลกระทบหนักสุด คือ กลุ่มไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์, เคมี, ชิ้นส่วน และอะไหล่รถยนต์, เครื่องสำอาง, โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม, หัตถกรรมสร้างสรรค์, โรงเลื่อย โรงอบไม้, ไม้อัดไม้บาง, อัญมณีและเครื่องประดับ, เทคโนโลยีชีวภาพ, อาหาร และสมุนไพร เนื่องจากผู้ประกอบการมียอดขายลดลง รวมทั้งยังมีอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าไปยังจีนล่าช้า และต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น