วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 ธ.ค. 2562

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
เงินสะพัด 1.37 แสนล้าน
สำรองคนแห่ถอนใช้ปีใหม่ มีมูลค่าสูงสุดทุบสถิติเก่า
นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมสำรองธนบัตรกว่า 1.2 แสนล้านบาท เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์เตรียมให้ประชาชนเบิกนำไปใช้จ่ายในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนปีใหม่ ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เชื่อว่าสามารถรองรับความต้องการได้อย่างเพียงพอ
'ทีวีไดเร็ค' จัดทัพธุรกิจใหม่
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค หรือ ทีวีดี ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการทั้งหน้าร้านและออนไลน์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติ ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ด้วยการควบรวมกิจการในเครือที่มีลักษณะคล้ายกันเพื่อลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการทำงาน บริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตที่ดีในอนาคต รวมทั้งรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในยุคดิสรัปชั่น
เอฟดับบลิวดีสยายปีก ซื้อสยามซิตี้ประกันภัย
นายร็อบ ชิเม็ก กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่ สายงานปฏิบัติการ เอฟดับบลิวดีกรุ๊ป เปิดเผยว่า เอฟดับบลิวดีกรุ๊ปได้เข้าซื้อกิจการของ บริษัท สยามซิตี้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจประกันวินาศภัยของเอฟดับบลิวดีกรุ๊ปในประเทศไทยและในภูมิภาค ซึ่งต่อจากนี้ไปบริษัทได้มีแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้แก่ลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่าย และขณะเดียวกันนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยสนับสนุนในการทำงานให้ง่ายขึ้น
บัวหลวงยันไม่ทิ้งแอลทีเอฟ
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า แนวทางบริหารกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) หลังจากนี้บริษัทยังคงบริหาร 4 กองทุนที่มีอยู่ และจะเปิดให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 63 เป็นต้นไป เพื่อให้นักลงทุนเข้าลงทุนเพิ่มเติมได้แม้จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว แต่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้กองทุนแอลทีเอฟยังคงน่าสนใจ สะท้อนจากการลงทุนผ่านกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว (บีแอลทีเอฟ) 7 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.55-7 ธ.ค.62 จะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 3.62% หากลงทุน 10 ปี นับตั้งแต่ 8 ธ.ค.52-7 ธ.ค.62 จะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 10.16%
ค้าปลีกอาการหนักโตแค่ 2.8%
เผย 4 ความหวัง 4 ความกังวล
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯเชื่อว่าในปี 63 ยังมี 4 ปัจจัยบวกที่เป็นความหวัง และ 4 ปัจจัยลบที่น่ากังวลในภาพรวมตลาดค้าปลีกไทยโดย 4 ความหวัง ได้แก่ ความหวังแรก ต้องการเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายการคลังออกมาเพิ่มอีก เพื่อสร้างศักยภาพการใช้จ่ายในกลุ่มคนชั้นกลาง ลูกจ้างประจำ เช่นเดียวกับโครงการชิมช้อปใช้, โครงการ 100 บาท เที่ยวทั่วไทย ความหวังที่สอง การเร่งรัดใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 63 นี้ ความหวังที่สาม นโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่ยังมีช่องว่างให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะหนี้สาธารณะของไทยต่อจีดีพีอยู่ที่ 42% ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นจึงมีโอกาสใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และสุดท้าย ท่องเที่ยว ยังมีแนวโน้มเติบโต
ต่อมาตรการพี่ช่วยน้อง 2 ปี
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาษี 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยฉบับแรกเป็นการขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานด้านการศึกษา โดยยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ลุยตั้งกก.ร่วมช่วยเอสเอ็มอี
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในปีหน้ารัฐบาลจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดูแลพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยตรงประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าไทย โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
หอฯชงก.ม.ความสะอาด ยื่นชวนคุมอากาศเป็นพิษ
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ธ.ค. เวลา 10.00 น. สมาชิกหอการค้าไทยจะเข้าไปยื่นร่างพ.ร.บ.ความสะอาดพ.ศ... และสนับสนุนให้รัฐมีองค์กรดูแลอากาศสะอาด ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าออกกฎหมายดังกล่าวเพื่อควบคุมดูแลเรื่องอากาศ และฝุ่นพิษ เพราะได้สร้างผลกระทบ ต่อสุขภาพคุณภาพชีวิตประชาชน รวมถึงกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งการท่องเที่ยว และบริการให้ชะลอตัวลง จากที่มีผลสำรวจทางวิชาการระบุว่าปัญหาฝุ่นพิษได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเสียหายมูลค่ามหาศาลมาก
แบงก์เริ่มจัดส่งข้อมูล ฝาก-โอนให้สรรพากร
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กฎกระทรวง ฉบับที่ 355 (พ.ศ. 2562) ออกตามความในประมวลรัษฎากร เพื่อกำหนดรายการข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะที่ต้องรายงานและวิธีการรายงาน ได้เริ่มบังคับใช้วันที่ 24 ธ.ค.62 เป็นต้นไป ส่งผลให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินอีเล็กทรอนิกส์ (อีวอลเลท) จะต้องเริ่มจัดเก็บและรายงานข้อมูลธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับบุคคลที่มีการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป หรือ มีการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้งและมียอดเงินรวมกันตั้งแต่ 2 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป มาให้กรมสรรพากร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น