สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน
ควักเงินตั้งรง.เหลือ 3.65 แสนล.
ก.อุตฯใจชื้นม.ค.62 ดีดบวก 124% หวังอีอีซี-รบ.ใหม่สานต่อนโยบาย
ก.อุตฯเผยยอดเงินตั้งโรงงานขยายกิจการปี'61 ลดลง 29.4% เหลือ 3.65 แสนล้าน ก.อุตฯปลอบใกล้เคียงปี'59 วอนดูเอ็มพีไอสะท้อนภาคผลิต ยิ้มร่า ม.ค.62 ตัวเลขตีกลับมาเป็นบวก มั่นใจปี'62 ดีขึ้น ตามอานิสงส์อีอีซี หวังรัฐบาลสนับสนุนต่อเนื่อง
ก.อุตฯใจชื้นม.ค.62 ดีดบวก 124% หวังอีอีซี-รบ.ใหม่สานต่อนโยบาย
ก.อุตฯเผยยอดเงินตั้งโรงงานขยายกิจการปี'61 ลดลง 29.4% เหลือ 3.65 แสนล้าน ก.อุตฯปลอบใกล้เคียงปี'59 วอนดูเอ็มพีไอสะท้อนภาคผลิต ยิ้มร่า ม.ค.62 ตัวเลขตีกลับมาเป็นบวก มั่นใจปี'62 ดีขึ้น ตามอานิสงส์อีอีซี หวังรัฐบาลสนับสนุนต่อเนื่อง
เร่งควบ'ทีเอ็มบี-ธนชาต'ภายในก.พ. คลังยันเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ไม่กระทบ
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมอบให้ฝ่ายบริหารของธนาคารทีเอ็มบีเร่งแผนเจรจาควบรวมกิจการระหว่างทีเอ็มบีกับธนาคารธนชาตให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากกำหนดเดิมจะให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งยังมีรายละเอียดที่ต้องเจรจากันพอสมควร
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมอบให้ฝ่ายบริหารของธนาคารทีเอ็มบีเร่งแผนเจรจาควบรวมกิจการระหว่างทีเอ็มบีกับธนาคารธนชาตให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากกำหนดเดิมจะให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งยังมีรายละเอียดที่ต้องเจรจากันพอสมควร
เสนอครม.บังคับระบบราง
ใช้ตู้รฟ.ผลิตในไทย100% ชี้คุ้มค่าประหยัด4พันล./ปี
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมแนวทางการพัฒนาผลศึกษาอุตสาหกรรมระบบรางว่า จากกรณีคณะกรรมการจัดระบบการจรจรทางบก (คจร.) ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ร่วมกันส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องให้เป็นรูปธรรม ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจึงเสนอแนวทางที่สามารถดำเนินการได้ คือ 1.ปี 2563 การจัดซื้อจัดจ้างขนส่งทางรางของภาครัฐทั้งหมด ต้องกำหนดให้ซื้อตู้รถไฟหรือตู้รถไฟฟ้า จากผู้ผลิตในประเทศหรือผู้ผลิตที่มีแผนลงทุนผลิตในประเทศเท่านั้น และ 2.ปี 2565 การจัดซื้อตู้รถไฟของภาครัฐทั้งหมด ต้องกำหนดให้จัดซื้อจัดจ้างจากผู้ผลิตที่ประกอบขั้นสุดท้ายภายในประเทศเท่านั้น 3.ปี 2567 การจัดซื้อตู้รถไฟ จะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่า 40% ของราคาตู้รถไฟที่ทำการจัดซื้อ และ 4.ตั้งแต่ปี 2568 กำหนดให้ตู้รถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณต้องผลิตในประเทศไทยทั้งหมด โดยต้องพิจารณารายละเอียดข้อเสนอให้ชัดเจนก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้
ใช้ตู้รฟ.ผลิตในไทย100% ชี้คุ้มค่าประหยัด4พันล./ปี
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมแนวทางการพัฒนาผลศึกษาอุตสาหกรรมระบบรางว่า จากกรณีคณะกรรมการจัดระบบการจรจรทางบก (คจร.) ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ร่วมกันส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องให้เป็นรูปธรรม ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจึงเสนอแนวทางที่สามารถดำเนินการได้ คือ 1.ปี 2563 การจัดซื้อจัดจ้างขนส่งทางรางของภาครัฐทั้งหมด ต้องกำหนดให้ซื้อตู้รถไฟหรือตู้รถไฟฟ้า จากผู้ผลิตในประเทศหรือผู้ผลิตที่มีแผนลงทุนผลิตในประเทศเท่านั้น และ 2.ปี 2565 การจัดซื้อตู้รถไฟของภาครัฐทั้งหมด ต้องกำหนดให้จัดซื้อจัดจ้างจากผู้ผลิตที่ประกอบขั้นสุดท้ายภายในประเทศเท่านั้น 3.ปี 2567 การจัดซื้อตู้รถไฟ จะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่า 40% ของราคาตู้รถไฟที่ทำการจัดซื้อ และ 4.ตั้งแต่ปี 2568 กำหนดให้ตู้รถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณต้องผลิตในประเทศไทยทั้งหมด โดยต้องพิจารณารายละเอียดข้อเสนอให้ชัดเจนก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้
'นกแอร์'ลุ้นระดม 2.5 พันล้าน จับตา'บอร์ดบินไทย'เพิ่มทุน
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเพิ่มทุนในสายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่การบินไทยถือหุ้นอยู่ 21.80% โดยระบุว่า การเพิ่มทุนในสายการบินนกแอร์ไม่ใช่ปัญหาของการบินไทย เพราะหากการบินไทยจำเป็นต้องเพิ่มทุนให้นกแอร์ จะใช้เงินไม่มาก ประมาณ 545 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของการบินไทย แต่ต้องพิจารณาเรื่องศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของนกแอร์มากกว่าว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งฝ่ายบริหารการบินไทยจะต้องรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ตัดสินใจก่อนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่บริษัทนกแอร์เปิดให้จองซื้อและรับชำระค่าจองหุ้นสามัญเพิ่มทุน
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเพิ่มทุนในสายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่การบินไทยถือหุ้นอยู่ 21.80% โดยระบุว่า การเพิ่มทุนในสายการบินนกแอร์ไม่ใช่ปัญหาของการบินไทย เพราะหากการบินไทยจำเป็นต้องเพิ่มทุนให้นกแอร์ จะใช้เงินไม่มาก ประมาณ 545 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของการบินไทย แต่ต้องพิจารณาเรื่องศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของนกแอร์มากกว่าว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งฝ่ายบริหารการบินไทยจะต้องรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ตัดสินใจก่อนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่บริษัทนกแอร์เปิดให้จองซื้อและรับชำระค่าจองหุ้นสามัญเพิ่มทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น