สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน
รื้อนิยาม 'กม.คนต่างด้าว' ล้างนอมินี 2ด.ชงครม./สกัดเสียเปรียบ จับตาการเมืองผ่านหรือค้าน
กรมพัฒนาธุรกิจเดินหน้าแก้คำนิยาม 'คนต่างด้าว'ในกฎหมายคนต่างด้าวปี 2542 หวังแก้ปัญหานอมินีที่มีมานาน เล็งลดบทลงโทษให้น้อยลง คาดหลังสงกรานต์ได้ข้อสรุป ลุ้น รมว.พณ.-ครม.ไฟเขียว ก่อนเข้า สนช.ให้ทันเลือกตั้ง
กรมพัฒนาธุรกิจเดินหน้าแก้คำนิยาม 'คนต่างด้าว'ในกฎหมายคนต่างด้าวปี 2542 หวังแก้ปัญหานอมินีที่มีมานาน เล็งลดบทลงโทษให้น้อยลง คาดหลังสงกรานต์ได้ข้อสรุป ลุ้น รมว.พณ.-ครม.ไฟเขียว ก่อนเข้า สนช.ให้ทันเลือกตั้ง
'อิชิตัน' รุกตลาดหน้าร้อนจุดขายเครื่องดื่มหวานน้อย
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มในปี 2561 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนซึ่งเป็น ไฮซีซั่น สำหรับบริษัทได้ปรับกลยุทธ์สินค้าแต่ละแบรนด์ เจาะกลุ่มลูกค้าแต่ละระดับให้ชัดเจนมากขึ้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางการขายแบบดั้งเดิม (เทรดดิชั่นนัลเทรด) ควบคู่กับการขยายช่องทางการขายทางออนไลน์ นอกจากนี้บริษัทจะพัฒนาสูตรลดน้ำตาลในกลุ่มสินค้าหลัก ทั้งรสต้นตำรับ รสจมูกข้าวญี่ปุ่น เย็นเย็น จับเลี้ยง และเย็นเย็นโกลด์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 6,700 ล้านบาท จากปี 2560 มียอดขาย 5,687.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% และมีกำไรสุทธิ 315.1 ล้านบาท เนื่องจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มในปี 2561 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนซึ่งเป็น ไฮซีซั่น สำหรับบริษัทได้ปรับกลยุทธ์สินค้าแต่ละแบรนด์ เจาะกลุ่มลูกค้าแต่ละระดับให้ชัดเจนมากขึ้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางการขายแบบดั้งเดิม (เทรดดิชั่นนัลเทรด) ควบคู่กับการขยายช่องทางการขายทางออนไลน์ นอกจากนี้บริษัทจะพัฒนาสูตรลดน้ำตาลในกลุ่มสินค้าหลัก ทั้งรสต้นตำรับ รสจมูกข้าวญี่ปุ่น เย็นเย็น จับเลี้ยง และเย็นเย็นโกลด์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 6,700 ล้านบาท จากปี 2560 มียอดขาย 5,687.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% และมีกำไรสุทธิ 315.1 ล้านบาท เนื่องจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น
'ทีดีอาร์ไอ'แนะรัฐพลิกแผน อุ้ม-ช่วยเหลือทีวีดิจิทัล-4จี
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและ ผู้ประกอบการ 4จี ภายหลังศาลปกครองกลางมีคำตัดสินในคดีไทยทีวีฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยให้ กสทช.คืนหนังสือค้ำประกันการประมูลแก่ไทยทีวี และต่อมาเสนอให้หัวหน้า คสช.ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทุกราย พักชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลเป็นเวลา 3 ปี ให้จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี และลดค่าเช่าโครงข่ายลง 50% เป็นเวลา 2 ปี และช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคม 2 รายที่ประมูลคลื่น 4จี คือ เอไอเอสและทรู โดยผ่อนผันจ่ายค่าประมูลคลื่นงวดสุดท้ายจากเดิมในปี 2563 เป็นทยอยจ่าย 5 งวดถึงปี 2567 นั้น กรณีทีวีดิจิทัล ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาการขาดทุน จากสาเหตุ 3 ประการ คือ 1.เพิ่มจำนวนผู้ประกอบการรวดเร็ว มีการออกใบอนุญาตถึง 24 ใบ 2.เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้การชมโทรทัศน์ลดลงฮวบฮาบ และ 3.ความบกพร่องของ กสทช.ตามที่ศาลปกครองกลางชี้ไว้ ดังนั้น การประสบปัญหาจากการขาดทุนจาก 2 สาเหตุแรกรัฐบาลและ กสทช.ไม่ควรต้องรับผิดชอบใดๆ เพราะเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจโดยปกติ โดยการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการและการแข่งขันเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกรายควรคาดหมายได้อยู่แล้ว ขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วนั้น แม้จะคาดหมายได้ยากกว่าแต่ถือว่าเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจโดยปกติโลกปัจจุบัน
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและ ผู้ประกอบการ 4จี ภายหลังศาลปกครองกลางมีคำตัดสินในคดีไทยทีวีฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยให้ กสทช.คืนหนังสือค้ำประกันการประมูลแก่ไทยทีวี และต่อมาเสนอให้หัวหน้า คสช.ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทุกราย พักชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลเป็นเวลา 3 ปี ให้จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี และลดค่าเช่าโครงข่ายลง 50% เป็นเวลา 2 ปี และช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคม 2 รายที่ประมูลคลื่น 4จี คือ เอไอเอสและทรู โดยผ่อนผันจ่ายค่าประมูลคลื่นงวดสุดท้ายจากเดิมในปี 2563 เป็นทยอยจ่าย 5 งวดถึงปี 2567 นั้น กรณีทีวีดิจิทัล ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาการขาดทุน จากสาเหตุ 3 ประการ คือ 1.เพิ่มจำนวนผู้ประกอบการรวดเร็ว มีการออกใบอนุญาตถึง 24 ใบ 2.เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้การชมโทรทัศน์ลดลงฮวบฮาบ และ 3.ความบกพร่องของ กสทช.ตามที่ศาลปกครองกลางชี้ไว้ ดังนั้น การประสบปัญหาจากการขาดทุนจาก 2 สาเหตุแรกรัฐบาลและ กสทช.ไม่ควรต้องรับผิดชอบใดๆ เพราะเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจโดยปกติ โดยการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการและการแข่งขันเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกรายควรคาดหมายได้อยู่แล้ว ขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วนั้น แม้จะคาดหมายได้ยากกว่าแต่ถือว่าเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจโดยปกติโลกปัจจุบัน
คลังเผยจัดเก็บ5เดือน ทะลุเป้า3.94หมื่นล้าน
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 - กุมภาพันธ์ 2561) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 908,210 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 39,440 ล้านบาท หรือ 4.5% และสูงกว่าเป้าหมาย สาเหตุจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น สูงกว่าประมาณการ 14,898 และ 14,884 ล้านบาท หรือ 30.0% และ 18.8% ตามลำดับ โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ได้แก่ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณ 283.0% ภาษีรถยนต์ 8.9%
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 - กุมภาพันธ์ 2561) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 908,210 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 39,440 ล้านบาท หรือ 4.5% และสูงกว่าเป้าหมาย สาเหตุจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น สูงกว่าประมาณการ 14,898 และ 14,884 ล้านบาท หรือ 30.0% และ 18.8% ตามลำดับ โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ได้แก่ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณ 283.0% ภาษีรถยนต์ 8.9%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น