สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
'สมคิด'ชงครม.อุ้มคนจน ธกส.หนุนเงินกู้9.5หมื่นล้าน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ในระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งกระทรวงการคลังเตรียมเสนอรายละเอียดให้ที่ประชุมครม.วันที่ 9 ม.ค.นี้ พิจารณา โดยการช่วยเหลือรอบนี้ ได้มอบหมายให้ส่วนราชการทั้งหมด คิดรูปแบบการสร้างทักษะและพัฒนาอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต้องยกระดับเกษตรกร หรือกระทรวงแรงงานต้องไปพัฒนาทักษะแรงงานเพิ่มขึ้น เชื่อว่าสามารถเริ่มต้นโครงการได้ตั้งแต่เดือน มี.ค. 61 เป็นต้นไป
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ในระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งกระทรวงการคลังเตรียมเสนอรายละเอียดให้ที่ประชุมครม.วันที่ 9 ม.ค.นี้ พิจารณา โดยการช่วยเหลือรอบนี้ ได้มอบหมายให้ส่วนราชการทั้งหมด คิดรูปแบบการสร้างทักษะและพัฒนาอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต้องยกระดับเกษตรกร หรือกระทรวงแรงงานต้องไปพัฒนาทักษะแรงงานเพิ่มขึ้น เชื่อว่าสามารถเริ่มต้นโครงการได้ตั้งแต่เดือน มี.ค. 61 เป็นต้นไป
คาดกำไรอสังหาฯปี61พุ่ง
น.ส.นวลพรรณ น้อยรัชชุกร รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนโครงการเมกะโปรเจคท์ของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยออกสู่พื้นที่ใหม่มากขึ้น
น.ส.นวลพรรณ น้อยรัชชุกร รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนโครงการเมกะโปรเจคท์ของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยออกสู่พื้นที่ใหม่มากขึ้น
ธปท.คุมหนี้ครัวเรือนคนจน ห่วงเหนือ-อีสานรายได้น้อย
นายสรา ชื่นโชคสันต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาครัฐควรควบคุมดูแลการก่อหนี้หรือการลดหนี้ครัวเรือนไปพร้อมกับการพยุงให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การออกมาตรการหรือหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ในวงกว้าง ด้วยการเข้าช่วยเหลือ และแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที หลังจากปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ปรับลดลงอย่างช้าๆ แต่พบกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลาง และในเขตภูมิภาค โดยเฉพาะภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ กลับทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นจากปี 58 ซึ่งเกิดจากหนี้เร่งตัวขึ้นในขณะที่รายได้ยังคงใกล้เคียงเดิม
นายสรา ชื่นโชคสันต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาครัฐควรควบคุมดูแลการก่อหนี้หรือการลดหนี้ครัวเรือนไปพร้อมกับการพยุงให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การออกมาตรการหรือหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ในวงกว้าง ด้วยการเข้าช่วยเหลือ และแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที หลังจากปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ปรับลดลงอย่างช้าๆ แต่พบกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลาง และในเขตภูมิภาค โดยเฉพาะภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ กลับทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นจากปี 58 ซึ่งเกิดจากหนี้เร่งตัวขึ้นในขณะที่รายได้ยังคงใกล้เคียงเดิม
เอกชนอ้อนเว้นภาษีคนชรา
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ขอเสนอให้รัฐบาลออกกฎหมายยกเว้นภาษีหรือให้สิทธิพิเศษกับผู้สูงอายุที่หันมาเปิดร้านโชห่วย เพื่อดึงดูดให้ผู้สูงอายุได้ทำงานอยู่กับบ้านและหาเลี้ยงตัวเองได้ในวัยเกษียณอายุ โดยไม่ต้องเป็นภาระของรัฐบาล นอกเหนือจากปัจจุบันที่ยังต้องจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเดือนละ 600-1,000 บาท เนื่องจากแนวโน้มผู้สูงอายุจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นโดยในปีนี้จะเพิ่มเป็น 20% ของประชากรทั้งประเทศ
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ขอเสนอให้รัฐบาลออกกฎหมายยกเว้นภาษีหรือให้สิทธิพิเศษกับผู้สูงอายุที่หันมาเปิดร้านโชห่วย เพื่อดึงดูดให้ผู้สูงอายุได้ทำงานอยู่กับบ้านและหาเลี้ยงตัวเองได้ในวัยเกษียณอายุ โดยไม่ต้องเป็นภาระของรัฐบาล นอกเหนือจากปัจจุบันที่ยังต้องจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเดือนละ 600-1,000 บาท เนื่องจากแนวโน้มผู้สูงอายุจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นโดยในปีนี้จะเพิ่มเป็น 20% ของประชากรทั้งประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น