วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 28 ก.พ. 2566

 สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 

เชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งต่อเนื่อง
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ม.ค.66 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค.66 พบว่าดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และสูงสุดในรอบ 26 เดือน โดยอยู่ที่ 51.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 49.7 สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากยอดขายรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่เดือน ม.ค.66 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.1% ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งได้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 32.3% ส่วนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ลดลงจากปีก่อน 0.5%

มีนาคมนี้ชาวบ้านกระอักอีก
'แอลพีจี-ดีเซล-ค่าไฟ' จ่อขึ้น
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เดือน มี.ค.นี้ ต้องติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด เพราะมีหลายประเภทที่ต้องปรับราคาเพิ่มขึ้น และยังมีอีกหลายประเภทที่มีแนวโน้มต้องพิจารณา ซึ่งในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ราคาก๊าซหุงต้มหรือก๊าซแอลพีจี ราคาขายปลีกจะปรับขึ้นอีก 15 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เป็นราคา 423 บาท มีผลตั้งแต่ 1-31 มี.ค.66 หลังจากนั้นต้องมาพิจารณาอีกรอบ กำหนดการพิจารณาราคาน้ำมันดีเซลในรอบ 1 สัปดาห์ ล่าสุดราคากลับมาผันผวนอีกครั้ง หลังจากรัสเซีย ประกาศจะลดการผลิตน้ำมันลง 5% หรือ 5 แสนบาร์เรลต่อวันในเดือน มี.ค. ทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้น รวมทั้งการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติงวดใหม่ เดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ หรือค่าเอฟที ซึ่งภาคเอกชนยืนยันว่า ไม่ควรเกิน 4.72 บาทต่อหน่วย ตามราคาที่ภาคครัวเรือนจ่ายในงวดปัจจุบัน

จี้ 4 ข้อคุมแบงก์ลดโลกร้อน
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.ได้ส่งหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินทุกแห่ง เรื่องแนวนโยบายการดำเนินธุรกิจสถาบันการเงินโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือไคลเมท เชนจ์ โดยได้ให้สถาบันการเงินนำแนวนโยบายไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับโครงสร้าง ขนาด ความซับซ้อนของธุรกิจ และความเสี่ยงของสิ่งแวดล้อมต่อการดำเนินงาน และ ธปท. จะประเมินความคืบหน้าตั้งแต่ปี 67 ตามระดับความเสี่ยงของแต่ละสถาบันการเงิน ซึ่งในอนาคต ธปท. จะร่วมกับภาคธนาคารทำคู่มือแนวปฏิบัติต่อไป

คืน 'อีดีซี' ด่วนถ้าไม่ใช้ 5 ปีเสียเงิน 2.1 พันบาท
น.ส.วารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป กรมฯ จะเรียกเก็บค่าใช้งานเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอกนิกส์ หรืออีซีดี จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน หลังจากเริ่มทยอยสิ้นสุดระยะเวลารับประกันการใช้งาน 5 ปี หากร้านค้าต้องการใช้เครื่องนี้ต่อจะมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าบริการให้กับธนาคารกรุงไทยที่จะเรียกเก็บปีละ 2,100 บาท โดยกรุงไทยจะให้ร้านค้าที่ยังต้องการใช้เครื่องอีดีซีต่อทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการต่อไป ส่วนในปีถัดไปต้องชำระภายในเดือน มี.ค. ของทุกปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น