วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 19 พ.ค. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน 
เจ้าสัวหันกู้แบงก์แทนระดมทุน
'ธปท.'ชี้สินเชื่อธุรกิจขยายตัว3.3% ด้านกลุ่มบ้าน-รถยนต์ชะลอตามศก.
ธปท.เปิดผลดำเนินงานธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1 พบกำไรหดตัว 7.3% ผลจากกันสำรองเพิ่ม-รายได้ทรงตัว ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้น 4.1% สาเหตุหลักสินเชื่อธุรกิจขยายตัว 3.3% หลายธุรกิจกลับมาใช้สินเชื่อแทนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ ขณะที่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและรถยนต์รูดตามภาวะเศรษฐกิจไทย
'สนธิรัตน์'ขยายเพดานอุ้มแอลพีจีแตะหมื่นลบ.
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ว่า จากแนวโน้มราคาแอลพีจี ตลาดโลกเดือนพฤษภาคม 450 เหรียญสหรัฐต่อตัน และมีแนวโน้มผันผวนสูง ที่ประชุมจึงเห็นชอบขยายเพดานวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีให้สามารถติดลบจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 7,000 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 10,000 ล้านบาทเพื่อลดค่าครองชีพช่วงผลกระทบโควิด-19 ปัจุบันเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ 35,176 ล้านบาท เป็นบัญชีน้ำมันฯ 41,358 ล้านบาท
โควิดขวิดอสังหาเปิดตัวลด
'ศุภาลัย'คาดใช้เวลา1-2ปีกลับปกติ 'นิวนอร์มอล'กดดันพื้นที่ใช้สอยเพิ่ม
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้เกิดแนวโน้มมาตรฐานแบบใหม่ "New Normal" เทรนด์การอยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป สังคมจะให้ความสำคัญกับ Social Distancing การมีพื้นที่ใช้ชีวิต เพื่อทำกิจกรรมภายในบ้าน มีสวนสำหรับการพักผ่อน มีพื้นที่สำหรับทำงาน รวมถึงมุมผ่อนคลายในบ้าน จะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยเชื่อว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะแรกผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวเพราะคนไม่สามารถออกจากบ้านได้ แต่ในระยะยาวจะส่งผลดีต่ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาโครงการต่อไปได้ โดยคาดว่าจากผลที่เกิดขึ้นทำให้ภาพรวมการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ปีนี้จะลดลงประมาณ 50% ส่วนแนวราบคาดว่าจะมีการเปิดตัวลดลงประมาณ 20-30% ซึ่งเป็นการทำให้ปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลระหว่างซัพพลายและดีมานด์และคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปีจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
'ทรู'โล่งฝ่าโควิด-19กำไรโต5% รายเดือนย้ายค่ายซบ3แสนราย
นายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการหลัก 2.58 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% มีกำไรจากการดำเนินงาน 2.3 พันล้านบาท แบ่งเป็น ทรูมูฟ เอช มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 5.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 2.01 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2563 เป็นผลจากกลุ่มลูกค้าระบบรายเดือน (โพสต์เพด) ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิกว่า 3 แสนรายในไตรมาส 1 ปี 2563 ส่งผลให้ทรูมูฟ เอช มีฐานผู้ใช้บริการรวมเป็น 30.3 ล้านราย แบ่งเป็น ลูกค้าระบบรายเดือน (โพสต์เพด) 8.6 ล้านราย และระบบเติมเงิน (พรีเพด) 21.7 ล้านราย ส่วนทรูออนไลน์ มีรายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ต 6.5 พันล้านบาท เติบโต 4.7% จากปีก่อน ขณะที่ทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการ 2.6 พันล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น