วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 12 พ.ค. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 
วายแอลจีเพิ่มทีมส่งซื้อขายทองออนไลน์
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่ง เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับระบบการให้บริการ โดยเพิ่มทีมงานดิลิเวอรี่ รวมถึงบริการผ่านไปรษณีย์ที่ให้การรับรองด้านความปลอดภัย และมีใบรับประกันให้ลูกค้า ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถกดซื้อและจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที เพื่อรองรับการซื้อขายทองคำผ่านช่องทางออนไลน์ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้าไม่ต้องเสี่ยงเดินทางมาพบปะผู้คน พร้อมกับได้ปรับขนาดทองคำให้เล็กลง อาทิ ทองคำแท่งมูลค่า 1,000 บาท ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการซื้อเพื่อเป็นของขวัญ
แปลงเครื่องจักรเป็นเงิน
อุตฯชงของบเงินกู้ 100 ล้าน ช่วยธุรกิจ 'ไมโครเอสเอ็มอี'
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า กรอ.ได้สำรวจผลกระทบและทราบถึงปัญหาของผู้ประกอบการ ล่าสุดอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะผู้ประกอบการระดับเล็กมาก หรือไมโครเอสเอ็มอี ให้สามารถนำเครื่องจักรมาแปลงเป็นสินทรัพย์ ใช้เป็นเงินทุนนำกลับมาใช้จ่ายหมุนเวียนในธุรกิจได้ ซึ่งจะใช้วงเงินหลักร้อยล้านบาท เพื่อดำเนินการสำรวจไมโครเอสเอ็มอีที่เข้าข่าย พร้อมอบรมให้ความรู้ จะเป็นหนึ่งในมาตรการของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะเสนอใช้งบฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 4 แสนล้านบาท จากวงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท คาดว่า เปิดตัวโครงการได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้
โชคยังดีตกงานแค่ 3 ล้านคน
รัฐคุมโควิดอยู่ธุรกิจเปิดเร็ว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์พยากรณ์ฯ ประเมินว่าผลกระทบการระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้มีผู้ว่างงานจากการถูกเลิกจ้างเพียง 3 ล้านคนต่ำกว่าที่คณะกรรมการภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินไว้ที่ 7 ล้านคน เนื่องจากรัฐบาลควบคุมการระบาดไวรัสได้ดีและสามารถรีสตาร์ตธุรกิจได้เร็วกว่ากำหนด จึงส่งผลให้ภาคธุรกิจเริ่มดำเนินกิจการและมีรายได้เสริมสภาพคล่องได้ทันเวลา
ลุยแพลตฟอร์มรับเปิดเมือง
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ผลการหารือร่วมกับ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ตัวแทนภาคธุรกิจ พร้อมด้วยผู้บริหารสศช. เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดสถานประกอบการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยการหารือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจในศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 (ศบค.) ซึ่งได้หารือถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อรองรับการเปิดสถานประกอบการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นผู้แทนธนาคารกรุงไทย ได้นำเสนอแพลตฟอร์มที่จะเชื่อมโยงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รองรับการใช้งานของผู้ใช้ 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการ ภาคประชาชน และผู้พิทักษ์อนามัย เป็นระบบหลังบ้านสำหรับหน่วยงานดูแลและตรวจสอบมาตรฐานสุขอนามัย
ระดมสมองกูรูตลาดทุน เร่งดึงคนรวยช่วยชาติ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า ขณะนี้เฟทโก้อยู่ระหว่างการระดมสมองของนักวิเคราะห์ บริษัทจดทะเบียน และผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน เพื่อเรียบเรียงและจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนำเสนอกับทางรัฐบาล อาทิ สร้างแรงจูงใจให้ผู้ที่มีกำลังซื้อสูงและไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 มาใช้จ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่มีปัญหา เช่น ช้อปช่วยชาติ เพิ่มการลดหย่อนภาษีจาก 15,000 บาท เป็น 50,000 บาท หรือกระตุ้นให้คนไทยที่นิยมไปท่องเที่ยวต่างประเทศหันมาท่องเที่ยวในประเทศ และในการเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ให้ระดมทุนในตลาดทุนเพื่อไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม
ชวนตรวจเครดิตบูโรออนไลน์
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า เครดิตบูโรได้เพิ่มช่องทางบริการตรวจข้อมูลเครดิตออนไลน์ผ่านโมบาย แอพพลิเคชั่น ทีเอ็มบี ทัช รับรายงานทางอีเมลรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้ภายใน 3 วันทำการ หรือรับรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายใน 7 วันทำการ ครบทุกข้อมูลด้าน สินเชื่อ หรือหนี้สิน สถานะบัญชี ซึ่งถือว่าเป็นการตอบสนองความต้องการของประชาชนที่มีการปรับพฤติกรรมวิถีชีวิตใหม่ หรือ นิว นอร์มอล และสอดรับแนวโน้มในการเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำธุรกรรมออนไลน์ในระยะยาว
พิษศก.ปตท.กำไรหด มั่นใจปรับตัวรับได้แน่
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก ปี 63 และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 483,567 ล้านบาท ลดลง 67,307 ล้านบาท หรือ 12.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน หรือมีอีบิด้า 32,385 ล้านบาท ลดลง 59.8% เนื่องจากผลประกอบการที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่ได้รับผลกระทบสูงจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน และภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น