วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 15 ม.ค. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
สลับเก้าอี้ประธานบอร์ด 2 แบงก์
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการของธนาคารทหารไทย เรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 และจะรับตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารกรุงไทยแทน และจะประชุมนัดแรกวันที่ 15 ม.ค.นี้
ธปท.งดใช้ยาแรงแก้บาทแข็ง
แนะเร่งนำเข้าเครื่องจักร จี้รัฐ-เอกชนสางปัญหา
นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงปี 62 ที่ผ่านมาเป็นผลจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3.27 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเดือน พ.ย. 62 ที่มีการเกินดุลฯ 3,375 ล้านดอลลาร์ ทำให้ไทยมีรายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวสูงกว่ารายจ่ายจากการนำเข้า ไม่ได้เป็นผลจากการเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติ เพราะตัวเลขการลงทุนของต่างชาติสุทธิทั้งปี 62 ที่เป็นการไหลออก โดยการแก้ไขเงินบาทแข็งค่าต้องช่วยกันทุกภาคส่วนทั้ง ธปท. ภาครัฐและเอกชน เช่น มาตรการสนับสนุนการนำเข้า แม้จะใช้เวลาแต่ถาวรมากกว่าใช้ยาแรงในการแก้ปัญหา ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีมากนัก
'ไมเดีย' ใช้ไทยฐานผลิต
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ไมเดีย รีฟริจเจอเรชั่น อีควิปเมนท์ (ไทยแลนด์) บริษัทย่อยของไมเดีย กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีน ได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาซื้อที่ดิน 130 ไร่ จังหวัดชลบุรี อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จากบริษัท โดยจะพัฒนาให้เป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและถือเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดของ ไมเดีย กรุ๊ป ที่อยู่นอกประเทศจีน
'อาร์เอส' เดินหน้ากวาดรายได้ ธุรกิจพาณิชย์ดัน 2 ปีโตหมื่นล.
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 63 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 30% มูลค่า 5,250 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจพาณิชย์จำหน่ายสินค้าเสริมอาหาร เครื่องสำอาง 3,200 ล้านบาท สัดส่วน 60% และกลุ่มมีเดีย 40% อาทิ ช่อง 8 รายได้ 1,250 ล้านบาท วิทยุ 300 ล้านบาท และธุรกิจเพลง จัดงานคอนเสิร์ต อื่นๆ 500 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ เอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ ที่รวมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ การใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค รวมทั้งผนึกพันธมิตร และการซื้อกิจการ คาดว่าในปี 65 จะมีรายได้ 10,000 ล้านบาท สัดส่วนธุรกิจพาณิชย์เพิ่มเป็น 80%
'เซวา' ฮิตมั่นใจปีนี้พุ่ง 30%
น.ส.วิริฒิพา ภักดีประสงค์ หรือวุ้นเส้น เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง "เซวา" เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของเซวา ในปี 63 จะรุกธุรกิจให้มากขึ้น โดยขยายเข้าสู่ตลาดที่เป็นระดับล่างเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้เดือนละ 10,000 บาท สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ โดยอยู่ระหว่างหารือกับร้านสะดวกซื้อและร้านค้าปลีกทั่วไป เพื่อวางขายสินค้าเซวาในรูปแบบซอง ที่มีปริมาณไม่มากนัก ใช้ง่ายสะดวก ราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายของเซวานั้นเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก เบื้องต้นตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายโดยมีอัตราเติบโต 30% จากยอดขายปี 62 ที่อยู่ระดับ 170 ล้านบาท
จัดวาระแห่งชาติดูแลสูงวัย
รับโครงสร้างแรงงานถดถอย
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. ได้รับทราบรายงานการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย ปี 2553-83 ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยขณะนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โดยผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป ในปี 63 มีจำนวน 12 ล้านคน คิดเป็น 18% ของประชากรทั้งหมด จะเพิ่มเป็น 20.42 ล้านคน หรือ 31.28% ในปี 83 ซึ่งในปี 62 เป็นปีแรกที่จำนวนประชากรวัยเด็กเท่ากับประชากรผู้สูงอายุที่ 11.3 ล้านคน หลังจากนั้นจำนวนประชากรวัยเด็กน้อยกว่าผู้สูงอายุมาโดยตลอด
ครม.ไฟเขียวก.ม.คลัง 3 ฉบับ
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้คงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคมในอัตรา 2% ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆ ให้เป็นมาตรการถาวรที่ต่อเนื่อง โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.62 ซึ่งการดำเนินดังกล่าวเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานเพื่อการกุศลสาธารณะให้มีความต่อเนื่องเป็นรูปธรรม และเป็นการสนับสนุนให้การช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้พิการ ผู้ถูกทอดทิ้ง ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประสบภัยให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ขุนคลังกล่อมฮ่องกงลงทุน
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมพบปะกับผู้บริหารระดับสูงจากนักลงทุนสถาบันภาคเอกชนของฮ่องกง โดยมีนักลงทุนต่างชาติเข้าหารือกว่า 35 กองทุน รวมมูลค่าถึง 20.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 600 ล้านล้านบาท เพื่อนำเสนอทิศทางและนโยบายเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะการที่รัฐบาลมีนโยบายให้ปี 63 เป็นปีแห่งการลงทุนของไทย รวมทั้งได้ชี้แจงถึงความสำคัญของการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
ไฟเขียวจี้เบิกงบประมาณ 63 กลางปีเงินเข้าระบบ 1 ล้านล.
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ หลังจากที่ประชุมรัฐสภาได้มี มติเห็นชอบในวาระ 2 และวาระ 3 ไปแล้ว เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ และก่อหนี้ผูกพันทันทีเมื่องบฯ ปี 63 มีผลบังคับใช้ เบื้องต้นคาดว่าจะมีเงินงบประมาณรายจ่ายปี 63 เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภายในเดือน เม.ย.-มิ.ย. 63 ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท แยกเป็นงบรายจ่ายประจำประมาณ 7.7 แสนล้านบาท และงบลงทุนอีกประมาณ 2.2 แสนล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น