วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 24 เม.ย. 2562

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน
สอท.ห่วงสุญญากาศเบิกจ่ายงบ 
ชี้เข้าเดือนเม.ย.เริ่มแผ่วมาตลอด หวั่นซ้ำเติมศก.-ความเชื่อมั่นวูบ
ส.อ.ท.เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นเอกชน ระบุไม่เชื่อมั่น เหตุกังวลการเมือง เบิกจ่ายรัฐเริ่มชะลอตัว ค่าจ้างรายวันจ่อขยับ ฉุดดัชนี 3 เดือนข้างหน้าร่วง จี้รัฐเร่งแก้ไขพร้อมออกมาตรการกระตุ้นระยะสั้น ประคองเศรษฐกิจก่อนตั้งรัฐบาลใหม่ ด้านยอดรถยนต์สวนทางส่งออกยังไปได้สวย
อุตฯอาหารค้านเก็บภาษีเกลือ ชี้แก้ไม่ถูกจุดยังกระทบตลาด 
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารได้ส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการนโยบายการลดบริโภคเกลือและโซเดียม ยื่นคัดค้านการเสนอจัดเก็บภาษีเกลือใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จ ขนมกรุบกรอบ และผงชูรส เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ไม่ได้ช่วยเรื่องการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค และยังเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทำลายขีดความสามารถการแข่งขัน โดยสินค้า 3 กลุ่มมีมูลค่าตลาดรวม 63,000 ล้านบาท แบ่งเป็นขนมขบเคี้ยว 36,000 ล้านบาท อาหารกึ่งสำเร็จรูป 16,000 ล้านบาท และผงชูรส 11,000 ล้านบาท
อาเซียนยกระดับภาคบริการ 
มติผ่านความตกลงฉบับใหม่ ชี้4กลุ่มธุรกิจไทยได้แต้มต่อ
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมร่วมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพและจัดที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ได้ลงนามความตกลงการค้าบริการอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement : ATISA) จะนำมาใช้แทนกรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียนฉบับปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2538 ทั้งนี้ ความตกลงครอบคลุมหลักการที่จำเป็นต่อการค้าบริการ อาทิ การปฏิบัติกับธุรกิจต่างชาติเท่าเทียมกับธุรกิจของชาติตน การเสริมสร้างการจัดทำกฎระเบียบภายในประเทศ การเสริมสร้างความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยในอาเซียน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการระหว่างกัน ซึ่งความตกลงฉบับนี้ให้เวลาประเทศสมาชิกถึง 5 ปี ในการพิจารณากฎระเบียบที่ต้องการสงวนไว้ หลังจากที่ความตกลงฯมีผลใช้บังคับแล้ว
สุ่มตรวจร้านหมูกระทะ แนะผู้กินเลือกเตาถ่าน 
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากลงพื้นที่บริเวณตลาดนัดเลียบทางด่วนรามอินทราและตลาดหัวมุม ตรวจร้านหมูกระทะ ช่วงวันที่ 19-22 เมษายน 2562 เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย หลังกรณีแก๊สกระป๋องระเบิดที่ร้านหมูกระทะ พบว่าส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนมาใช้เตาถ่านเกือบทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตามกระป๋องแก๊สที่เกิดเหตุระเบิดเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ไม่มีการแสดงฉลากภาษาไทย ตัวกระป๋องทำด้วยอะลูมิเนียม มีความจุประมาณ 0.5 ลิตร น้ำหนัก 250 กรัม จัดอยู่ในขอบข่ายมาตรฐานกระป๋องแอโรซอล มอก.974-2533 ซึ่งต้องใช้เพียงครั้งเดียว ไม่สามารถนำมาบรรจุซ้ำแล้วนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ แต่ร้านหมูกระทะส่วนใหญ่มักนิยมนำกระป๋องแก๊สเก่ามาเติมก๊าซหุงต้มใหม่ ซึ่งเป็นแก๊สที่มีความดันสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น