สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
โฆษณาเฉายอดหลุดแสนล้าน
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจ-สายงานการวางแผน และกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ หรือ เอ็มไอ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาหลังจากนี้มูลค่าจะไม่มากถึง 100,000 ล้านบาท เหมือนกับช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสื่อหลักอย่างทีวีดิจิตอลมีมากถึง 24 ช่อง ซึ่งถือว่ามากเกินไปทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะการลดราคาค่าโฆษณาลงเพื่อเอาใจลูกค้า จึงมองว่าควรมีเพียง 10-15 ช่องก็พอ เพื่อให้คนดูกระจุกตัวอยู่เพียงช่องหลัก ๆ เท่านั้น ขณะเดียวกันสื่อออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้สินค้าแบรนด์ต่าง ๆ แห่ไปใช้สื่อออนไลน์ที่ต้นทุนน้อย จึงเป็นผลให้มูลค่าตลาดโฆษณาลดลง คาดว่าสิ้นปีนี้เติบโตได้ 3-4% มูลค่าอยู่ที่ 89,000 ล้านบาท
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ผู้อำนวยการธุรกิจ-สายงานการวางแผน และกลยุทธ์สื่อโฆษณา บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ หรือ เอ็มไอ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาหลังจากนี้มูลค่าจะไม่มากถึง 100,000 ล้านบาท เหมือนกับช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสื่อหลักอย่างทีวีดิจิตอลมีมากถึง 24 ช่อง ซึ่งถือว่ามากเกินไปทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะการลดราคาค่าโฆษณาลงเพื่อเอาใจลูกค้า จึงมองว่าควรมีเพียง 10-15 ช่องก็พอ เพื่อให้คนดูกระจุกตัวอยู่เพียงช่องหลัก ๆ เท่านั้น ขณะเดียวกันสื่อออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้สินค้าแบรนด์ต่าง ๆ แห่ไปใช้สื่อออนไลน์ที่ต้นทุนน้อย จึงเป็นผลให้มูลค่าตลาดโฆษณาลดลง คาดว่าสิ้นปีนี้เติบโตได้ 3-4% มูลค่าอยู่ที่ 89,000 ล้านบาท
ป่วนตุรกีหุ้นร่วง-บาทอ่อน เทสินทรัพย์เสี่ยงหวั่นลาม
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ การลงทุนทั่วโลกและในประเทศไทย พบว่ามีการขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา เนื่องจากมีความกังวลของการขัดแย้งระหว่างสหรัฐและตุรกี ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตั้งกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากตุรกีเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า และความกังวลวิกฤติค่าเงินลีราตุรกีในปีนี้ที่อ่อนค่าเกือบ 50% ทำให้ตุรกีมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารในยุโรป ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลง 10.61 จุด ส่งผลให้ปิดตลาดอยู่ที่ 1,695.35 จุด คิดเป็น 0.62% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54,248.54 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าเปิดที่ 33.38 บาท และคาดว่าในสัปดาห์ทิศทางค่าเงินบาทนี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.50 บาท
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ การลงทุนทั่วโลกและในประเทศไทย พบว่ามีการขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา เนื่องจากมีความกังวลของการขัดแย้งระหว่างสหรัฐและตุรกี ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตั้งกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากตุรกีเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า และความกังวลวิกฤติค่าเงินลีราตุรกีในปีนี้ที่อ่อนค่าเกือบ 50% ทำให้ตุรกีมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารในยุโรป ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลง 10.61 จุด ส่งผลให้ปิดตลาดอยู่ที่ 1,695.35 จุด คิดเป็น 0.62% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54,248.54 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าเปิดที่ 33.38 บาท และคาดว่าในสัปดาห์ทิศทางค่าเงินบาทนี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.50 บาท
สยามพิวรรธน์ผนึกญี่ปุ่น ลุยธุรกิจความงามในไทย
นายฮาจิเมะ เอนโดะ รองประธานอาวุโส กิจการบริการด้านความงาม บริษัท ไอสไตล์ อิงก์ จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทได้จับมือร่วมกับกลุ่มสยามพิวรรธน์ ในการร่วมทุนจัดตั้งบริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้น โดยกลุ่มไอสไตล์ของญี่ปุ่นถือหุ้น 70% และกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ถือหุ้น 30% จากทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อเปิดร้านแอทคอสเม่ สโตร์ สำหรับจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่นในไทย สำหรับรองรับการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางในไทย ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการทั้งหมด 5 สาขา ภายใน 3 ปี
นายฮาจิเมะ เอนโดะ รองประธานอาวุโส กิจการบริการด้านความงาม บริษัท ไอสไตล์ อิงก์ จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทได้จับมือร่วมกับกลุ่มสยามพิวรรธน์ ในการร่วมทุนจัดตั้งบริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้น โดยกลุ่มไอสไตล์ของญี่ปุ่นถือหุ้น 70% และกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ถือหุ้น 30% จากทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อเปิดร้านแอทคอสเม่ สโตร์ สำหรับจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่นในไทย สำหรับรองรับการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางในไทย ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการทั้งหมด 5 สาขา ภายใน 3 ปี
ลงขัน 5 ล้านจัดประชุม เลือกกรรมการ'ไอเฟค'
นายทวิช เตชะนาวากุล ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (ไอเฟค) เปิดเผยภายหลังยื่นหนังสือและหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อใช้สิทธิเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 100 ว่า เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลา 3 เดือนหลังจากนี้ เพื่อจัดประชุมผู้ถือหุ้นและเลือกตั้งกรรมการใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหาให้บริษัทกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยพร้อมจะช่วยกันระดมเงิน 3-5 ล้านบาท มาใช้จัดประชุม กรณีที่บริษัทและกรรมการไม่ยอมจัดประชุมตามมาตรา 83 ของ พ.ร.บ.บริษัทมหาชนฯ
นายทวิช เตชะนาวากุล ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (ไอเฟค) เปิดเผยภายหลังยื่นหนังสือและหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อใช้สิทธิเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 100 ว่า เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลา 3 เดือนหลังจากนี้ เพื่อจัดประชุมผู้ถือหุ้นและเลือกตั้งกรรมการใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหาให้บริษัทกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยพร้อมจะช่วยกันระดมเงิน 3-5 ล้านบาท มาใช้จัดประชุม กรณีที่บริษัทและกรรมการไม่ยอมจัดประชุมตามมาตรา 83 ของ พ.ร.บ.บริษัทมหาชนฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น