วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 04 ก.ค. 2561

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
งัดกม.ฟันเจ้าหนี้เงินกู้เถื่อน จ่อเชือด 225 รายแหกคอก ยัน'รู้ตัวผู้กระทำผิด'ตัวจริง 
พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเข้าไปจัดการกับบรรดาเจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้นอกระบบด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมฝ่ายความมั่นคงเข้าไปแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ได้รายงานให้ที่ประชุม ครม. รับทราบว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงลงไปช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้แล้ว พบว่ามีเจ้าหนี้ที่ไม่ยอมเจรจาจำนวน 225 ราย จึงต้องงัดมาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มข้นมาจัดการต่อไป
แบงก์รัฐเทเอ็นพีเอหมื่นรายการ 
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินของรัฐและหน่วยงานรัฐ 8 แห่ง จัดงานมหกรรมบ้านมือสอง และทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ทั่วประเทศมากกว่า 10,000 รายการ ซึ่งประกอบด้วย บ้านทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ ห้องชุดคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงงาน ที่ดินเปล่า มาจัดทำโปรโมชั่นจำหน่ายในราคาถูก พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ ภายในงาน บ้าน ธอส. เอ็กซ์โป @ กรุงเทพฯ วันที่ 5-8 ก.ค. 61 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
แบงก์ชาติจับตาค่าบาทผันผวน 
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มผันผวนอีกระยะ เป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตร (คิวอี) และมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกด้วย รวมทั้งความกังวลมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐและจีน ซึ่งจะทำให้ค่าเงิน ตลาดเงิน ตลาดทุน มีความผันผวน โดย ธปท. ได้จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนนี้ แต่ขณะเดียวกันผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
เปิดร้านขาย'เนสกาแฟฮับ'จับกลุ่มลูกค้าดื่มนอกบ้าน
นายแวลดดิสลาฟ อังดรีฟ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวร้านเนสกาแฟ ฮับ รูปแบบคีออสหรือร้านขนาดเล็กซื้อกลับบ้าน สำหรับจำหน่ายเครื่องดื่มเนสกาแฟเมนูต่าง ๆ ขึ้นครั้งแรกในไทย เพื่อเพิ่มยอดขายและช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งในเบื้องต้นนี้ใช้เงินลงทุน 15 ล้านบาท เปิดบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลมขึ้นเป็นสาขาแรก ตั้งเป้าหมายมียอดขายประมาณวันละ 300 แก้ว และหลังจากนี้ยังมีแผนเปิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเน้นทำเลรถไฟฟ้า ออฟฟิศย่านกลางเมืองเป็นหลัก
กันกุล-ซีพีเอฟผุดโซลาร์รูฟ ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้โรงงาน 
นายกันกุล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการ บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง เปิดเผยว่า บริษัทร่วมกับ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) ลงนามความร่วมมือโครงการ ซีพีเอฟ โซลาร์ รูฟทอป ซึ่งเป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาขนาด 40 เมกะวัตต์ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ถือเป็นรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าที่ถูกลง และสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานหลักในเวลากลางวันได้อย่างคุ้มค่า
เอกชนตีปี๊บเศรษฐกิจใหม่ ขึ้นยกแผงจีดีพี-ส่งออก
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้ปรับประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ปี 61 ใหม่เป็น 4.3-4.8% จากเดิมคาดว่า ขยายตัว 4-4.5% การส่งออกเป็น 7-10% จากเดิม 5-8% เงินเฟ้อทั่วไปเป็น 0.9-1.5% จาก 0.7-1.2% เนื่องจากมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนทั้งการเติบโตการส่งออก การลงทุนภาคเอกชน และภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าขยายตัวต่อเนื่อง
หนี้สาธารณะพุ่ง 8.7 พันล้านบ. ยันไม่กระทบกรอบความยั่งยืน 
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบ 61 ครั้งที่ 2 มีวงเงินปรับเพิ่ม 8,774 ล้านบาท จากเดิม 1.760 ล้านล้านบาท เป็น 1.768 ล้านล้านบาท โดยการปรับวงเงินเพิ่มครั้งนี้มาจากการปรับแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นที่ไม่ต้องขออนุมัติครม. มีวงเงินเพิ่มขึ้น 13,024.08 ล้านบาท ขณะที่แผนการก่อหนี้ใหม่และแผนบริหารหนี้เดิมของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจมีวงเงินลด 4,249.25 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอยู่ที่ 42.6% ไม่กระทบกรอบความยั่งยืนทางการคลัง
หารายได้คนไทยแยกตามภาค
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.ได้ให้ฝ่ายวิชาการศึกษาวิเคราะห์รายได้ต่อหัวประชากรของไทยเป็นรายภูมิภาค จากปัจจุบันคนไทยมีรายได้ต่อคนต่อปีเฉลี่ย 5,900-6,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 194,000 - 198,000 บาท เนื่องจากมองว่า ตัวชี้วัดเศรษฐกิจปัจจุบัน เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ตัวเลขส่งออก ตัวเลขเงินเฟ้อ ยังไม่สะท้อนเศรษฐกิจไทยที่แท้จริงมากนัก ซึ่งตัวเลขนี้จะเป็นฐานข้อมูลให้กับรัฐบาลพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจรายภูมิภาคให้ตรงจุด
เล็งออกกม.ยืนยันตัวเอง ผ่านไอทีเพิ่มความสะดวก 
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้เปิดรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล พ.ศ. ...จนถึงวันที่ 11 ก.ค. นี้ โดยสาเหตุการออกกฎหมายนี้ เนื่องจากการทำธุรกรรมหรือการทำนิติกรรมสัญญาหลายประเภทในระบบเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ตัวตน การให้ความยินยอม การลงลายมือชื่อ หรือการแสดงเจตนาของผู้ทำธุรกรรม ซึ่งในปัจจุบันต้องไปแสดงตนต่อผู้ให้บริการ เช่น ธนาคารพาณิชย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น