สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน
หวั่น5ปีอาเซียนเสียตลาดCLMVให้จีน หอค้าระบุสิงคโปร์ยังดึงดูดการลงทุน เวียดนามเบียดอินโดฯเป็นฐานผลิตใหม่
หอการค้าคาดอีก 5 ปี ศก.กลุ่มซีแอลเอ็มวียังโตต่อเนื่อง 1.2% เผยน่าห่วงอาเซียนสัดส่วนการค้าจะลดลงเรื่อยๆ เหตุจีนเข้ามาแทนที่ในตลาดนี้ มั่นใจสิงคโปร์ยังดึงดูดลงทุนได้ดี ขณะที่อินโดฯอาจเสียฐานผลิตให้เวียดนาม
หอการค้าคาดอีก 5 ปี ศก.กลุ่มซีแอลเอ็มวียังโตต่อเนื่อง 1.2% เผยน่าห่วงอาเซียนสัดส่วนการค้าจะลดลงเรื่อยๆ เหตุจีนเข้ามาแทนที่ในตลาดนี้ มั่นใจสิงคโปร์ยังดึงดูดลงทุนได้ดี ขณะที่อินโดฯอาจเสียฐานผลิตให้เวียดนาม
'เฮียฮ้อ'สบช่องหุ้นขาลง ดอดซื้อRSเพิ่มในกระดาน
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 2.5 ล้านหุ้น วงเงิน 46.84 ล้านบาท หลังจากตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมาได้ทยอยซื้อหุ้นรวมมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมีหุ้นแล้วรวมทั้งหมดกว่า 347.90 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 34% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยสาเหตุที่ทยอยซื้อหุ้นเพิ่มต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าราคาหุ้น RS ที่ปรับตัวลงมานั้นยังมีอัพไซต์สูงมาก หากดูจากประมาณการนักวิเคราะห์ที่ราคาพื้นฐานที่เหมาะสมที่ 35 บาท ส่วนหนึ่งเพราะราคา ณ ปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 ที่เติบโตและทำกำไรได้โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด รวมถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 ที่มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 2.5 ล้านหุ้น วงเงิน 46.84 ล้านบาท หลังจากตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมาได้ทยอยซื้อหุ้นรวมมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมีหุ้นแล้วรวมทั้งหมดกว่า 347.90 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 34% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยสาเหตุที่ทยอยซื้อหุ้นเพิ่มต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าราคาหุ้น RS ที่ปรับตัวลงมานั้นยังมีอัพไซต์สูงมาก หากดูจากประมาณการนักวิเคราะห์ที่ราคาพื้นฐานที่เหมาะสมที่ 35 บาท ส่วนหนึ่งเพราะราคา ณ ปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 ที่เติบโตและทำกำไรได้โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด รวมถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 ที่มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร
คาดอสังหาฯกทม.ปริมณฑล ปีนี้เหลือขาย1.45แสนยูนิต
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์ 2 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายล่าสุด ณ สิ้นปี 2560 มีจำนวน 1,584 โครงการ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 458,943 ยูนิต มีจำนวนยูนิตบ้านจัดสรร 212,997 ยูนิต ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่มี 208,237 ยูนิต และเป็นอาคารชุด 245,946 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่มี 242,852 ยูนิต ซึ่งมีจำนวนยูนิตอยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 50.5% รองลงมาอยู่ในนนทบุรี 17.4%
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์ 2 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายล่าสุด ณ สิ้นปี 2560 มีจำนวน 1,584 โครงการ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 458,943 ยูนิต มีจำนวนยูนิตบ้านจัดสรร 212,997 ยูนิต ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่มี 208,237 ยูนิต และเป็นอาคารชุด 245,946 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ที่มี 242,852 ยูนิต ซึ่งมีจำนวนยูนิตอยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดที่ 50.5% รองลงมาอยู่ในนนทบุรี 17.4%
คลังยกเลิกรางวัลบัตรเดบิต ปลื้มยอดเพิ่มต่อเนื่องชวนใช้ต่อ เร่งตั้ง'อีดีซี'ครบ5.6แสนเครื่อง
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มมีการ รับรู้และเข้าใจการใช้บัตรเดบิตแทนเงินสดมากขึ้น และทุกคนมีมือถือสามารถใช้โมบายแบงกิ้งในการทำธุรกรรมออนไลน์และชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดได้ ดังนั้นจึงจะไม่มีการจัดทำโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการใช้บัตรเดบิตต่อจากโครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตที่ได้ดำเนินการในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทั้งหมด 12 ครั้ง รวมเงินรางวัล 84 ล้านบาท โดยจากการประชาสัมพันธ์ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยบัตรเดบิตมีจำนวน 62.1 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 11.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ประกอบกับธุรกรรมตลอดโครงการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีปริมาณธุรกรรมทั้งสิ้น 80.2 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 38.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนดำเนินโครงการ และมูลค่าธุรกรรมรวม 148,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การใช้บัตรเดบิตใช้ตามเงินในบัญชี ต่างจากบัตรเครดิตที่รูดก่อนจ่ายทีหลัง ทำให้มีวินัยทางการเงินมากขึ้น
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มมีการ รับรู้และเข้าใจการใช้บัตรเดบิตแทนเงินสดมากขึ้น และทุกคนมีมือถือสามารถใช้โมบายแบงกิ้งในการทำธุรกรรมออนไลน์และชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดได้ ดังนั้นจึงจะไม่มีการจัดทำโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการใช้บัตรเดบิตต่อจากโครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตที่ได้ดำเนินการในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทั้งหมด 12 ครั้ง รวมเงินรางวัล 84 ล้านบาท โดยจากการประชาสัมพันธ์ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยบัตรเดบิตมีจำนวน 62.1 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 11.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ประกอบกับธุรกรรมตลอดโครงการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีปริมาณธุรกรรมทั้งสิ้น 80.2 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 38.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนดำเนินโครงการ และมูลค่าธุรกรรมรวม 148,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การใช้บัตรเดบิตใช้ตามเงินในบัญชี ต่างจากบัตรเครดิตที่รูดก่อนจ่ายทีหลัง ทำให้มีวินัยทางการเงินมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น