สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ชี้วิกฤติแบงก์ตปท.ยืดเยื้อ
เชื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์วิกฤติธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐ คาดว่าคงยืดเยื้อ เนื่องจากธนาคารที่ถูกจับตามองยังไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องงบดุล เช่น การกระจุกตัวของเงินฝาก หรือการบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย จึงยังทำให้ผู้ฝากเงินขาดความมั่นใจ และทางการสหรัฐ มีเจตนาแก้ปัญหา ไม่ใช้เงินภาษีของประชาชน ทำให้การตัดสินใจอาจใช้เวลา
เครียดจัดดันตลาดยาดมพุ่ง
น.ส.มีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้ช่วยประธานบริหารด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ยาดม บริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาดม ยาหม่อง ยี่ห้อ เซียงเพียว และเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดยาดมที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกสมัยใหม่มีมูลค่าถึง 1,200 ล้านบาท เติบโต 10-20% จากปัญหาของคนไทยมีความเครียดมากขึ้น ทำให้พฤติกรรมการดมยาดมไม่เพียงแค่ใช้ในช่วงที่เหนื่อยหรือวิงเวียนศีรษะ การกลับมาของนักท่องเที่ยว และการใช้ชีวิตปกติของผู้บริโภคจึงใช้ยาดมในโอกาสต่างๆ อาทิ ลงเรือ ขึ้นเครื่อง มีคนกลุ่มใหม่ๆ หันมาดมยาดมมากขึ้น
เอกชนชี้ทีมเศรษฐกิจยังไม่ว้าว
หวั่นรุ่นใหม่ประสานราชการยาก
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงพรรคการเมืองต่างๆ เริ่มทยอยเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นทีมหน้าด่านสำคัญที่จะช่วยดึงคะแนนเสียง และเรียกความเชื่อมั่นกับประชาชน และภาคธุรกิจ ว่าดูจากภาพรวมแล้ว พรรคการเมือง 3-4 พรรค เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ประกาศรายชื่อทีมเศรษฐกิจออกมา ที่น่าสนใจมากที่สุด คือ พรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นการผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ มีหลายคนเคยทำงานแล้วประสบความสำเร็จ รวมถึงนโยบายต่างๆ ที่ออกมาก็ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม มีการลงพื้นที่สำรวจความต้องการ ความเดือดร้อนแต่ละพื้นที่ ส่วนพรรคก้าวไกล ที่มีนโยบายน่าสนใจในเรื่องการรื้องบประมาณ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่แน่ใจว่าจะทำงานประสานกับกลุ่มข้าราชการได้หรือไม่
ผนึกเอกชนสกรีนนทท.
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับเอเจนซี่ไต้หวัน ฮ่องกง และสมาคมนำเที่ยวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยนั้นไม่มีการแอบแฝงของบรรดากลุ่มธุรกิจจีนสีเทา ที่อาศัยช่องว่างโดยให้คนไทยเป็นนอมินี อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรกปี 66 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 4 แสนคน จากเดิมที่ประเมินไว้ 3 แสนคนเนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 80,000-90,000 คนต่อวัน ส่วนในไตรมาสสองคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวต่อเนื่องและอาจมากกว่าไตรมาสแรก
มีชิปยอดผลิตรถกระเตื้อง หวังงาน 'มอเตอร์โชว์' ช่วย
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ทุกประเภทรวมเดือน ก.พ.66 มีทั้งสิ้น 165,612 คัน เพิ่มขึ้น 6.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวม 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.66) ผลิตได้ 327,939 คัน เพิ่มขึ้น 6.68% เนื่องจากปัจจัยหลักมาจากการได้รับเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เพิ่ม ทำให้การผลิตเพื่อการส่งออกที่สูงขึ้น สะท้อนจากตัวเลขส่งออกรถยนต์เดือน ก.พ.66 อยู่ที่ 88,525 คันเพิ่มขึ้น 11.42% รวม 2 เดือนส่งออก 175,311 คันเพิ่มขึ้น 17.43%
ปักธงปล่อยกู้ 8 หมื่นล้านบาท
น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอี แบงก์ เปิดเผยว่าในปี 66 เอสเอ็มอี แบงก์ มีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น เป็น 8 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยให้เอสเอ็มอีต่อรายมีจำนวนมากขึ้นจาก 15 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท
ปณทดึง 50 รสก. ดันไทยสู่ 'อีเอสจี'
นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ปณท ได้จัดงาน "อีเอสจี เดย์ : เน็ตเวิร์คกิ้ง ฟอร์ ซัสเทนเนเบิล โกรท" หรือเครือข่ายสู่การเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย เพื่อดึง 50 หน่วยงานรัฐวิสากิจ (รสก.) มาสร้างเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนนโนบายอีเอสจี หรือสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล ที่เป็นรูปธรรมสำหรับประเทศไทย ซึ่งในส่วนของ ปณท นั้น ได้นำอีเอสจีมาเป็นแกนหลักในการกำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจในทุกส่วน ที่ผ่านมาได้ดำเนินการแล้ว ทั้งการปรับเปลี่ยนมาทดลองใช้รถไฟฟ้า 250 คัน ในพื้นที่ กทม. ภูเก็ต ชลบุรี และปรับเส้นทางวิ่งของรถยนต์ ซึ่งในปี 65 ที่ผ่านมาประหยัดน้ำมันได้รวม 1 ล้านลิตร และตั้งเป้าหมายใช้รถไฟฟ้าทั้งหมดใน 5 ปีข้างหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น