วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 14 ต.ค. 2563

 สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน 

ปั้น 'อบต.โมเดล' คุ้มครองชุมชน
พณ.เร่ง 3 ด้านง่ายขึ้น-ใช้ประโยชน์ เสริมความสามารถแข่งขันยุค 4.0
พณ.เล็งปลุกท้องถิ่นให้ความสำคัญคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ปิ๊งไอเดียดึง 'อบต.-กูรูวัยเกษียณ-รายการทีวี' สร้างการตื่นตัวทั่วประเทศ ทป.เผยชุมนุมรับรู้ต่ำ ไม่ให้ความสำคัญเร่งสร้าง 3 ด้าน เข้าใจจ่าย/เข้าถึงง่าย/ใช้ประโยชน์ได้จริง

จัดโชว์ 'อีสานเดิ้น' เครื่องประดับเด่น
นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที เปิดเผยว่า จีไอทีจะนำเครื่องประดับที่ได้รับการพัฒนาในโครงการพัฒนาเครื่องประดับชนเผ่า เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมแห่งดินแดนอีสานใต้ (อีสานเดิ้น) 5 จังหวัด อีสานใต้ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา และอุบลราชธานี ที่ได้รับการพัฒนาเป็นเครื่องประดับจริงจำนวน 5 คอลเล็กชั่น มาเปิดตัวสินค้าอัตลักษณ์ ท้องถิ่น ในงาน Buy With Confidence Gems & Jewelry Fest ระหว่างวันที่ 16-22 พฤศจิกายนนี้ ณ ลานโปรโมชั่น G สามย่านมิตรทาวน์ ทั้งนี้ เป็นการคัดเลือกจากผู้ประกอบการเครื่องประดับอัตลักษณ์อีสานที่จีไอทีช่วยด้านพัฒนา และต่อยอดโดยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการชุมชนและรายย่อย รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีไอที และร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ส่วนการทำตลาดส่งออก ร่วมกับเว็บไซต์ Thaitrade.com ช่วยเหลือผู้ประกอบการในการขยายตลาดต่างประเทศ

ยางแม็กซิสลุยธุรกิจในไทย ครองแชร์อันดับ 9 ตลาดโลก
นายหลิน ยวี่ หยู รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท แม็กซิส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2563 หลายบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยบริษัทแบรนด์ยางรถยนต์จากไต้หวันได้รับผลกระทบเช่นกัน ยอดขายเติบโตน้อยกว่าปกติ เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคลดลงทั่วโลก แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเต็มรูปแบบ เชื่อว่าในระยะยาวจะกลับมาเติบโตตามปกติ และบริษัทไม่มีนโยบายปลดพนักงาน โดยยางรถยนต์ของบริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 9 ของโลก จากโรงงานยางรถยนต์จัดจำหน่ายไป 180 ประเทศทั่วโลก สำหรับนโยบายการบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทได้ลงทุน 2 หมื่นล้านบาทแล้ว สร้างโรงงานผลิตยางรถยนต์ในไทย มีพนักงานกว่า 3,000 คน มีกำลังการผลิต 35,000 เส้นต่อวัน มีส่วนแบ่งทางการตลาด รถเก๋งประมาณ 21% รถกระบะประมาณ 24% และอนาคตมีแผนเดินหน้าพร้อมทุ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อผลิตยางรถยนต์คุณภาพสูงด้วย

ธุรกิจใช้ 'บาทแข็ง' พยุงกำไร
'ซาบีน่า' แนะวิธีฝ่าวิกฤตโควิด 19 หันนำเข้าลดต้นทุน/ค้าออนไลน์
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ซาบีน่า เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้มีการปรับตัวมาตลอดตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อไม่ต้องปิดโรงงาน ไม่ลดพนักงาน และไม่ลดเงินเดือน เริ่มตั้งแต่การปรับเปลี่ยนการตัดเย็บผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในมาเป็นการตัดเย็บหน้ากากอนามัย ซึ่งมีความต้องการสูงมากในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา ด้านช่องทางจำหน่ายเมื่อร้านค้าและห้างค้าปลีกปิดชั่วคราวตามมาตรการรัฐ หรือช่องทางออฟไลน์ปิดนาน 2 เดือน ก็หันไปเน้นรับคำสั่งซื้อและขายผ่านออนไลน์ ซึ่งพบว่ายอดขายเพิ่มจากเป้าหมายถึง 100% และส่งผลให้ยอดขายผ่านออนไลน์ทั้งปีเติบโต 50-60% จากเดิมก่อนโควิดระบาดตั้งเป้าว่าจะโตเพียง 30% แต่อย่างไรก็ตาม หากรวมยอดขายผ่านออฟไลน์และออนไลน์ในปีนี้ จะยังติดลบ 8% และมียอดขายประมาณ 3,000 ล้านบาท เพราะยอดขายหลักชุดชั้นในยังต้องผ่านช่องทางร้านค้า 75-80% แต่ในอนาคตเชื่อว่า โดยภาพรวมการค้าผ่านออนไลน์จะยังขยายตัวเกินสองหลักต่อเนื่อง แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนต่อระบบการค้าแค่ 3% แม้ในประเทศจีนที่นิยมค้าขายผ่านออนไลน์ ก็มีสัดส่วนเพียง 25% ของการค้าทั้งระบบ

ชงรื้อโครงสร้างภาษีบุหรี่
นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า การยาสูบเตรียมเชิญตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมยาสูบ ทั้งจากตัวแทนภาครัฐ กรมสรรพสามิต โรงบ่มใบยาสูบ ผู้ผลิตบุหรี่จากต่างประเทศ เกษตรกรผู้ปลูกใบยา ร้านค้าจำหน่ายบุหรี่ ประชาชน และหน่วยงานภาคสังคม มาร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) ใหญ่ 2 ครั้ง เพื่อรวบรวมความเห็นการปฏิรูปโครงสร้างภาษีบุหรี่ เสนอให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาภายในปีนี้ หลังจากการปรับโครงสร้างภาษีที่ผ่านมาส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมยาสูบ

ฝนชุกราคาข้าวเปลือกร่วง รัฐ-เอกชนผนึกช่วยชาวนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน และนายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเรียกสมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมหารือเพื่อหาแนวทางป้องกันปัญหาราคาข้าวเหนียวตกต่ำ ตามคำสั่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลังจากได้รับการร้องเรียนว่าข้าวเปลือกเหนียวที่กำลังออกสู่ตลาด เป็นข้าวเหนียวฤดูกาลผลิตนาปรัง พันธุ์สันป่าตอง 1 ปกติราคาตลาดจะต่ำกว่าข้าวเปลือกเหนียวนาปีพันธุ์ กข 6 ที่จะออกปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ฝนตกชุกทำให้ความชื้นสูง ราคารับซื้อข้าว (ความชื้นไม่เกิน 15%) จึงอยู่ที่ตันละ 9,000-9,500 บาท ขณะที่ข้าวสดความชื้น 28% อยู่ที่ตันละ 7,000-7,500 บาท และประเมินว่าปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประสบภัยแล้งผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ราคาจึงสูงกว่าปกติแต่เชื่อว่าราคาขณะนี้น่าจะต่ำสุดแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น