วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 10 ก.ค. 2562

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร
เพิ่มนวัตกรรมรับอนาคต ดันมูลค่าเฉียด 2 แสนล้าน
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหารหน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ได้คาดการณ์ตลาดอาหารอนาคต (ฟิวเจอร์ฟู้ด) ในประเทศปีนี้จะมีมูลค่าไม่ต่ากว่า 1.96 แสนล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.3% จากปี 61 แบ่งเป็นอาหารสุขภาพหรืออาหารฟังก์ชันนัลมีสัดส่วนการตลาดกว่า 60% รองลงมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพปราศจากเนื้อสัตว์ ปราศจากกลูเตนและอาหารอินทรีย์ ขณะที่อาหารอนาคตในตลาดส่งออกที่มีศักยภาพสูงหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่น จีน มีทิศทางเติบโตเช่นกันผู้ประกอบการจึงไม่ควรมองข้ามการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการแปรรูปอาหารต่าง ๆ มาใช้ในการผลิตเพื่อเป็นการยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า
โบรกฯชี้ตลาดหุ้นผันผวน 
นายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนเนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดทำให้ลดโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสิ้นเดือนนี้โดยคาดดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,705-1,745 จุด และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากผลการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน, หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
อลิอันซ์ฯใช้เครื่องมือดิจิทัล พัฒนาตัวแทนขายประกัน 
นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทยังเน้นพัฒนาช่องทางการขายผ่านตัวแทนประกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนตัวแทนเก่าและตัวแทนใหม่ โดยได้นำเครื่องมือดิจิทัลเข้ามาช่วยในการทำงานของตัวแทนให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ และใช้วางเป้าหมายการทำงาน ซึ่งตั้งเป้าหมายจะทำยอดเบี้ยประกันจากช่องทางตัวแทนได้ถึง 15,000 ล้านบาท และการก้าวไปสู่การเป็นบริษัทประกันดิจิทัล ที่ไม่ใช้เอกสารกระดาษอย่างเต็มตัวในปี 63
วิกฤตินักเที่ยวกิมจิลดฮวบ 
นางสิริเกศอนงค์ ไตรรัตนทรงพล ผู้อำนวยการสำนักงานโซล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลาดนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 รองจากจีน และญี่ปุ่น เริ่มมีทิศทางชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มว่าจะถูกประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยแซงไปอย่างแน่นอน ทำให้การทำงานของ ททท.นับจากนี้ ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อหวังจะประคับประคองนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เดินทางมาไทยให้ได้ตามเป้าหมาย โดยทั้งปีนี้ เชื่อว่าการเติบโตของตลาดเกาหลีน่าจะโตประมาณ 4% ปรับลดลงจากปีก่อนที่โตประมาณ 5.1% ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประมาณ 1.8 ล้านคน
ตลท.เล็งศึกษาแพลตฟอร์ม ซื้อขายหุ้นเชื่อมซีแอลเอ็มวี
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยภายในงานเสวนาลิบรา คืออะไร? มาทำไม? มาแทนใคร? ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวคิดศึกษาและพัฒนาแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงตลาดกลุ่มซีแอลเอ็มวีทีให้สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศร่วมกันได้ รวมทั้งอาจลดระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ที่ปัจจุบันดำเนินการ 2 วันที่การ (ที+2) ให้เร็วขึ้นมากกว่าเดิม เบื้องต้นหากดำเนินการจริง คงต้องมีการทดลองทำสกุลเงินดิจิตอลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงในกลุ่มซีแอลเอ็มวีที ผ่านศูนย์ทดสอบนวัตกรรมการเงิน (แซนด์บ็อกซ์) เพื่อทดสอบระบบดังกล่าวก่อน ทั้งนี้ จากการเปิดตัวลิบราของเฟซบุ๊ก ถือว่าสร้างความตื่นเต้นต่อโลกการเงิน แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะยังคงเป็นรูปแบบการออกสกุลเงินดิจิตอลเช่นเดิม เพียงแต่ลิบราทำสกุลเงินดิจิตอลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าสกุลเงินดิจิตอลในอดีตที่มีความเสี่ยงและมูลค่ามีความผันผวน ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของเทคโนโลยี หากลิบราสามารถสร้างให้เกิดการยอมรับได้ ก็จะกลายเป็นแพลตฟอร์มการเงินใหม่และสามารถขยายการให้บริการในวงกว้างได้
เพิ่มยารักษามะเร็งเต้านม-ปอด
น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ได้เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งและโลหิตวิทยาเพิ่มเติมจำนวน 2 รายการ ได้แก่ ยารักษาโรคมะเร็งปอดระยะแพร่กระจาย และยารักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย โดยให้สามารถเบิกจ่ายตรงได้ ซึ่งรายการยาที่เพิ่มเติมเข้าไปนั้น เป็นรายการยาที่สามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งและโลหิตวิทยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะเริ่มใช้สิทธิในระบบเบิกจ่ายตรงได้ในเดือน ส.ค.62
บาทแข็งโป๊กฉุดส่งออกโคม่า
จับตาเวียดนามผลิตสินค้าเสียบ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย วันที่ 10 ก.ค. จะพิจารณาทบทวนประมาณการตัวเลขการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และการส่งออกปี 62 ใหม่จากเดิมที่คาดไว้ว่า จีดีพีจะขยายตัว 3.7-4% และส่งออกขยายตัว 3-5% มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลง เนื่องจากมีหลายปัจจัยกดดันทั้งสงครามการค้าสหรัฐ และจีน รวมถึงสิ่งที่เอกชนกังวลอย่างมาก คือภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว
ตรวจเข้มนำเข้าน้ำมันปาล์ม
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) โดยมอบหมายและกำชับให้คณะทำงานการแก้ไขปัญหาการนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม หรือ คนป. เข้มงวดการตรวจติดตามการนำเข้าปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายเนื่องจากขณะนี้มีความแตกต่างของราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยสูงกว่าราคาในประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างมาก
ไทยดันอาร์เซ็ปจบพ.ย.นี้ ฮ่องกงจ่อเข้าร่วมสมาชิก 
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบรายงานการประชุม ครม.เศรษฐกิจอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่องการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 64 ที่กรุงเทพฯ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเมื่อวันที่ 21-22 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยมี รมช.พาณิชย์ ในฐานะรักษาการแทน รมว.พาณิชย์ เข้าร่วมและเป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งสาระสำคัญ คือ ที่ประชุมฯมีความเห็นร่วมกันที่จะเร่งรัดสรุปผลการเจรจาอาร์เซ็ปให้ได้ภายในเดือน พ.ย. 62 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการค้าระหว่างประเทศอาเซียน และมีเป้าหมายสรุปผลการเจรจาเปิดตลาดและจัดทำรายละเอียดให้ได้ทั้งหมด เพื่อให้มีการลงนามความตกลงฯในปี 63 เมื่ออาร์เซ็ปมีผลบังคับใช้แล้วจึงพร้อมเปิดรับสมาชิกใหม่ ซึ่งในเบื้องต้นฮ่องกงได้แสดงความจำนงเข้าเป็นสมาชิกอาร์เซ็ปด้วยแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น