วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 ก.พ. 2562

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ปลุกสศช.เพิ่มพลังชี้นำชาติ 
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเดินทางมาตรวจเยี่ยมราชการและมอบนโยบายให้กับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่า ต้องการให้ สศช. พลิกโฉมบทบาทการทำงานของตัวเองให้มีพลังมากขึ้น ด้วยการไปร่วมมือกับสำนักงบประมาณที่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณโครงการต่าง ๆ เพราะปัจจุบันสศช.มักทำงานแบบระวังตัวและเป็นหน่วยงานที่เน้นให้ความเห็นต่อรัฐบาล แต่จากนี้จะต้องปรับเปลี่ยนบทบาทใหม่ให้เป็นหน่วยงานหลักที่ชี้แนะแนวทางการพัฒนาประเทศทุกด้าน เพื่อให้ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตาม หรือคัดค้านโครงการที่ไม่เหมาะสมตามยุทธศาสตร์ประเทศ
ตปท.หนีเตลิดพรบ.ซาก 
เอกชนจี้ยกเลิกโทษติดคุก
นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายกสมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคมไทย เปิดเผยถึงความเห็นร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ...ว่า หากรัฐยืนยันร่างฯ ปัจจุบันเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. จะส่งผลกระทบต่อภาคอุตฯไฟฟ้าไทยอย่างรุนแรงแน่นอน อาจมีการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ค่อนข้างสูง รวมทั้งการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี เนื่องจากยังมีหลายประเด็นไม่ชัดเจน เช่น ขอบข่ายผู้มีส่วนร่วม, การบังคับใช้, บทลงโทษทางอาญาผู้บริหาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท ส่งผลต่อความกังวลในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้บริหารชาวต่างชาติ จึงต้องการให้ทบทวนบทลงโทษในส่วนของอาญา
คปภ.ร่วมมือสตช.-เอกชน ผุดแอพกลางเคลมประกัน 
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ. กำลังร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทภาคเอกชน ร่วมกันพัฒนาแอพพลิเคชั่นกลาง สำหรับรับแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ให้สะดวกรวดเร็ว โดยเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนแล้ว ให้คู่กรณีสามารถถ่ายรูปไว้ และส่งมาที่แอพพลิเคชั่นกลาง และแยกย้ายได้โดยไม่ต้องรอ เพื่อช่วยแก้ปัญหารถติด โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังมาถึง
อึดอัดบาทแข็งไม่หยุด เอกชนขอถกธปท.ด่วน 
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนมีความอึดอัดเรื่องค่าเงินบาทอย่างมาก เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลักของประเทศ ซึ่งหากปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องโดยไม่ทำอะไร อาจส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวในระยะต่อไปด้วย โดยขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หากค่าเงินบาทแข็งค่าเคลื่อนไหวต่ำกว่า 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะไปหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แน่นอน
คาดมี.ค.เงินแข็งค่าแน่ ต่ำกว่า 31 บาทต่อดอลล์ 
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยในงานสัมมนาจับอุณหภูมิเศรษฐกิจปี 62 ว่า มีโอกาสที่ค่าเงินบาทในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ จะแข็งค่าต่ำกว่า 31.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นสถิติใหม่ เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังเกินดุล คาดว่าปีนี้จะเกินดุล 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มี 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อาจปรับขึ้นเพียง 1 ครั้ง
พานาโซนิคเล็งขายแสนล. 
นายฮิเดคาสึ อิโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พานาโซนิค ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าทิศทางการดำเนินงานของพานาโซนิคในไทยกำลังเดินหน้าตามเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายให้ได้ 100,000 ล้านบาท และเป็นอันดับ 1 ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 63 โดยกลุ่มสินค้าที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก คือ เครื่องปรับอากาศ(แอร์) และสมาร์ทโฮม โซลูชั่น หรือระบบควบคุมการทำงานภายในบ้าน
ซีอีโอโลกกุมขมับเอไอบุก 
ชี้รับมือไม่ทันกระทบธุรกิจ
นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วนบริษัท ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจผู้บริหารระดับสูง (ซีอีโอ) ทั่วโลก ครั้งที่ 22 ประจำปี 62 ซึ่งใช้ในการประชุมสมัชชาเศรษฐกิจโลก (เวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรั่ม) โดยสำรวจความคิดเห็นซีอีโอทั่วโลกจำนวน 1,378 ราย ใน 91 ประเทศ มองว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะชะลอตัวจากปีก่อน เป็นมุมมองซีอีโออาเซียนถึง 46% เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีเพียง 10% และซีอีโอโลก 28% ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกชะลอลง จากปีก่อนมีเพียง 5% เท่านั้น เป็นผลจากความเสี่ยงความขัดแย้งทางการค้า ความไม่แน่นอนทางการเมือง ความไม่แน่นอนของนโยบาย กฎระเบียบข้อบังคับที่มากและเข้มงวดเกินไป และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
กลต.จับมือธปท.กางเล็บ คุมเข้มโบรกฯขายกองทุน 
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ตั้งแต่ปี 62-64 ว่า ก.ล.ต. จะส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงบริการในการลงทุนเพิ่มขึ้น ผ่านความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ยกระดับการขายผลิตภัณฑ์การลงทุน ด้วยการใช้เกณฑ์การกำกับดูแลการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (มาร์เกต คอนดัก) มาควบคุมตัวแทนจำหน่ายกองทุนรวม, ตราสารหนี้ ที่มีอยู่ 80,000-90,000 ราย ให้ขายผลิตภัณฑ์การลงทุนตรงกับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ หากไม่ดำเนินการตามก็จะถูกลงโทษตามที่กำหนดไว้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น