วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 21 พ.ย. 2561

 สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ธปท.รื้อเกณฑ์คุมแบงก์ ลดค่าธรรมเนียมยุคดิจิทัล
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. อยู่ระหว่างปฏิรูปกฎเกณฑ์กำกับดูแลสถาบันการเงิน ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลแบงกิ้ง เพื่อให้สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินดำเนินธุรกิจได้คล่องตัว สะดวกมากขึ้น และให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุน 1,100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนให้มีต้นทุนทางการเงิน เช่น ค่าธรรมเนียมที่ลดลงไปด้วย โดยทั้งหมดจะทยอยมีผลบังคับใช้ภายในเดือน มี.ค. 62
ไทยแหล่งเลี่ยงภาษีข้ามชาติ
นายอธิภัทร มุทิตาเจริญ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ผลวิจัยบทบาทของภาษีในการตัดสินใจลงทุนของบริษัทข้ามชาติ โดยใช้ข้อมูลบริษัทข้ามชาติที่เข้าลงทุนในอาเซียน 5 ทั้งไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มีจำนวนบริษัทข้ามชาติทั้งสิ้น 7,000 แห่ง พบว่าไทยมีความเข้มงวดและตรวจสอบในการป้องกันหลบเลี่ยงภาษีของบริษัทข้ามชาติต่ำที่สุดในอาเซียน 5 ประเทศ เนื่องจากยังขาดมาตรการและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้อาจไม่สามารถตรวจสอบได้ดี
ครม.คลอดแล้วบ้านล้านหลัง ธอส.จัดสินเชื่อ 5 หมื่นล้านบาท
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบโครงการบ้านล้านหลังของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยธอส.จะสนับสนุนสินเชื่อให้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยคิดดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้กับธอส. เป็นวงเงิน 3,876 ล้านบาท
ปลื้มทำข้อตกลงคุณธรรม ช่วยประหยัดงบ 6.8 หมื่นล.
น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้ตั้งแต่ปี 58-62 แล้ว 96 โครงการ จาก 53 หน่วยงาน ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท โดยการเข้าร่วมจะมีการเปิดเผยข้อมูลในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมสังเกตการณ์ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐจนทำให้เกิดความโปร่งใส และสามารถประหยัดงบได้ 6.8 หมื่นล้านบาท
เอดีบีชี้ลงทุนไทยปลอดภัย
นายยาซูยูกิ ซาวาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยรายงานการติดตามตลาดพันธบัตรเอเชีย ว่า ไทยถือเป็นประเทศที่ปลอดภัยของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ในเรื่องของการเคลื่อนย้ายเงินทุนเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เพราะได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อต่ำ ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ดุลบัญชีเงินสะพัดเกินดุล หนี้ภายนอกประเทศ และเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่ดี แม้ช่วงเดือน ก.ค. จะมีเงินทุนไหลออก แต่สามารถทดแทนได้ด้วยเงินทุนไหลเข้าในเดือนส.ค.และ ก.ย. ที่ผ่านมา
ไฟเขียวชดเชย กฟผ.525 ล้าน รับซื้อน้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้า
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ ระยะเวลาโครงการตั้งแต่เดือน พ.ย. 61-พ.ค. 62 โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากพื้นที่แหล่งผลิตสำคัญ เช่น กระบี่ สุราษฎร์ธานี และชุมพร นำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นจำนวน 1.6 แสนตันภายในระยะเวลา 2-3 เดือน คาดว่าจะนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 576 ล้านหน่วย
ซีอีโอประสานเสียงศก.ดี เลือกตั้งช่วยสร้างเชื่อมั่น
นายจงสวัสดิ์ จงวัฒน์ผล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สำรวจความเห็นของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมเรื่องซีอีโอ เซอร์เวย์ ถึงทิศทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยปี 62 พบว่า 45.46% มองว่า เศรษฐกิจปี 62 จะขยายตัว และการขยายตัวทางศก.ดังกล่าว 74% ระบุว่า จะโตได้ 1-5% และกรณีที่รัฐบาลวางกรอบเลือกตั้งชัดเจนใน ปี 62 จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างไร พบว่า 71.82% เห็นว่า จะสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศไทย ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ รองลงมา 35.45% ขณะที่ 22.73% นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนเพื่อรอนโยบายรัฐบาลใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น