วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 24 ก.พ. 2566

 สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 

แห่เปิดศูนย์รับแจ้งภัยไซเบอร์
แบงก์เร่งเดินเครื่องช่วยลูกค้า แจงสารพัดวิธีป้องกันตัวเอง
รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถาบันการเงินขนาดใหญ่ต่างออกมาเตือนภัยมิจฉาชีพออนไลน์ พร้อมเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุผู้ที่ได้รับความเสียหายทางการเงิน หลังจากลูกค้าจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากการถูกหลอกจนตกเป็นเหยื่อ และบรรดามิจฉาชีพต่างหลอกลวงลูกค้าเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะการหลอกลวงให้กดลิงก์ต่างๆ โดยมีแอปพลิเคชันของสถาบันการเงินเป็นช่องทางผ่าน โดยธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ได้เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุผู้ได้รับความเสียหายทางการเงินจากมิจฉาชีพ ลูกค้าธนาคารที่มีความเสี่ยง หรือ ได้รับความเสียหาย สอบถามหรือแจ้งเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ โทร. 0-2111-1111 กด 108

มาตรการรัฐอุ้ม 'ซีพีเอ็น'
น.ส.นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ ซีพีเอ็น เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 37,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 10,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย การจับจ่ายของประชาชนในช่วงปลายปีที่กลับมาคึกคัก และตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นการจับจ่ายของทั้งภาครัฐและเอกชน และการเปิดโรงแรมราคาประหยัดโก! และโครงการที่อยู่อาศัย 5 โครงการใหม่

เอกชนย้ำหาเสียงเอาให้ชัด
จี้รัฐบาลใหม่เร่งดึงเชื่อมั่นศก.
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคการเมืองเตรียมเสนอนโยบายลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท ว่า ได้ยินแต่นโยบาย แต่ยังไม่เห็นวิธีการว่าจะลดลงอย่างไร เช่น ลดภาษี ลดค่าการตลาด ลดค่ากองทุนฯ จึงไม่สามารถระบุได้ว่า ทำได้ในลักษณะไหน หากวิธีการไหนที่เป็นประโยชน์ ทางกองทุนฯ จะนำมาพิจารณา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศให้มากที่สุด ซึ่งในส่วนของกองทุนฯ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ราคาพลังงานที่ยังมีความผันผวนในระดับสูง

กสิกรฯบุกต่อเออีซีบวก 3
นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 66 จะขยายธุรกิจในตลาดเออีซี+3 ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพื่อหวังเป็นธนาคารแห่งภูมิภาคผ่านกลยุทธ์ทั้งการรุกขยายสินเชื่อให้กับลูกค้าธุรกิจ, การขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล และการพัฒนาบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ให้ลูกค้าเข้าถึง โดยเฉพาะการให้สินเชื่อดิจิทัลด้วยข้อมูลทางเลือก และธนาคารตั้งเป้าหมายปี 66 จะมียอดรายได้จากธุรกิจต่างประเทศเป็น 4% ของรายได้สุทธิ เพิ่มขึ้นจาก 2.5% ในปี 65 และเดินหน้าสู่การเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย ภายในปี 70

หนุนสร้างนักรบไซเบอร์ รับภัยคุกคามเพิ่มเท่าตัว
นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญ ทางหัวเว่ยจึงมีแผนสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ด้วยโครงการฝึกอบรมนักพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้ได้ถึง 20,000 คน ภายในระยะเวลา 3 ปี ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการบ่มเพาะธุรกิจเอสเอ็มอี สปาร์ค อิกไนต์ โครงการรถดิจิทัลเพื่อสังคมที่จะต่อยอดให้ครอบคลุมในพื้นที่ 10 จังหวัด และฝึกอบรมนักเรียนให้ถึง 2,000 คน งานสัมมนาต่อยอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัลจากภาคส่วนต่างๆ และโครงการซีด ฟอร์ เดอะ ฟิวเจอร์ ที่มีทั้งการฝึกอบรม มอบทุนการศึกษา และการแข่งขันในกลุ่มเยาวชน ฯลฯ

ปักธงต่างด้าวลงทุนแสนล.
นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เดือนแรก ม.ค.66 จำนวน 52 ราย แบ่งเป็นลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจคนต่างด้าว 22 ราย การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 30 ราย รวมเงินลงทุน 5,129 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 298 คน

บียอนด์หวังรายได้โต เผย 'ทีเอสบี' เริ่มผงาด
น.ส.ออมสิน ศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บียอนด์ เปิดเผยว่า ในปี 66 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 800-900 ล้านบาท เติบโต 3-4 เท่าจากปีก่อน รวมทั้งกำไรจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน โดยหลักๆ มาจากดอกเบี้ยรับจากการปล่อยกู้ให้กับ บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด หรือทีเอสบี 8,550 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6% ต่อปี คาดมีรายได้เฉพาะส่วนนี้ 500 ล้านบาท และมาจากธุรกิจหลักทรัพย์ประมาณ 300-400 ล้านบาทปีนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ยังเผชิญการแข่งขันสูง ดังนั้นบริษัทจะไม่แข่งขันเรื่องค่าคอมมิสชัน แต่แข่งขันด้วยการบริการเป็นหลัก ซึ่งมีโปรแกรมเทรดที่คัดกรองหุ้นที่น่าลงทุนมานำเสนอกับลูกค้า ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 0.3% มีจำนวนลูกค้าที่เปิดบัญชีด้วย 15,000 บัญชี แต่ที่มีการเคลื่อนไหวกว่า 1,000 บัญชี และเตรียมขยายสาขาห้องค้าอย่างน้อย 2 แห่ง ที่เชียงใหม่และภูเก็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น