สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
สรท.ลุ้นส่งออกทะยาน 10%
อ้อนแบงก์ชาติตรึงดอกเบี้ย
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่าได้คาดการณ์ส่งออกปี 65 เพิ่มขึ้น 6-8% จากเดิมคาดว่า เพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากประเมินสัญญาณทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลังพบว่าภาคส่งออกยังเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอาจยายตัวได้ถึง 10% เป็นตัวเลข 2 หลักได้ด้วย หลังจากพิจารณาภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน มิ.ย.พบว่าส่งออกมีมูลค่า 26,553.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 11.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 มีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 907,286 ล้านบาท ขยายตัว 22.7%
4 พันคนวิ่งเทรลเอไอเอ
นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอไอเอ ประเทศไทย เปิดเผยว่า เอไอเอ ได้จัดกิจกรรมเอไอเอ วัน บิลเลียน เทรล 2022 ถือว่าเป็นงานเดิน-วิ่งเทรลประเภททีม 4 คน เป็นครั้งแรกในประเทศไทยโดยเอไอเอเป็นผู้สนับสนุนหลัก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สานต่อพันธกิจ เอไอเอ วัน บิลเลียน ที่กลุ่มบริษัทเอไอเอ และเอไอเอใน 18 ประเทศ รวมทั้งไทยได้ประกาศไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพื่อสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนในภูมิภาคเอเชียมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2573
ครม.เท 1.2 พันล.ใส่ชุมชน
เร่งพัฒนาอาชีพรับคนคืนถิ่น
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 งบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,249 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ โดยมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ คาดว่าจะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 12,490 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.65
ขายเหมืองถ่านหินให้อินโด ปตท.เข้าสู่พลังงานสะอาด
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. หรือ ปตท. เปิดเผยว่า วันที่ 1 ส.ค. บริษัท พีทีที อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (พีทีทีไอเอช) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้นทั้งหมดได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น ดำเนินการขายหุ้นในบริษัท พีทีที ไมนิ่ง ลิมิเต็ด หรือพีทีทีเอ็มแอล ซึ่งพีทีทีไอเอช ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ให้กับบริษัทแอสทรินโด ซึ่งเป็นบริษัทที่เน้นด้านการลงทุนในธุรกิจพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอินโดนีเซีย มูลค่า 471 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,900 ล้านบาท
คลอดนโยบายเหมืองแร่ ให้สิทธิประโยชน์ 3 กลุ่ม
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ครม. เห็นชอบในหลักการนโยบายด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยระยะแรกให้ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง รวมถึงกำหนดสิทธิประโยชน์ให้เหมาะสม ซึ่งแบ่งกิจการที่ต้องการส่งเสริมออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย กลุ่มกิจการสำรวจแร่, กลุ่มกิจการทำเหมืองแร่และหรือแต่งแร่ และกลุ่มกิจการถลุงแร่หรือประกอบโลหกรรม
สั่งเกาะติดท่อก๊าซเมียนมารั่ว
นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีการหยุดส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งซอติก้า ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติ 1 ใน 3 แหล่งสำคัญที่นำเข้าจากเมียนมา จากปัญหารอยรั่วของท่อส่งก๊าซบนบกนั้น ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งดังกล่าวถูกส่งเป็นเชื้อเพลิงและใช้สำหรับการผลิตไฟฟ้าให้แก่โรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโรงไฟฟ้าพระนครเหนือว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพลังงานเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อประเมินสถานการณ์และจัดหาเชื้อเพลิงทดแทน และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอ
เขย่า 'ตลาดก่อสร้าง' เมกาโฮมเปิด 5 สาขา
น.ส.เสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เมกาโฮม เซ็นเตอร์ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่งบ้านเปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 นี้ บริษัทจะเปิดสาขาใหม่ 4-5 สาขาในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้รับเหมา ช่าง เจ้าของโครงการ และร้านค้ารายย่อย ทั้งในรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง และยังช่วยรองรับการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะมีการก่อสร้าง ตกแต่ง ซ่อมแซมบ้านให้สะดวกสบายมากขึ้น โดยล่าสุดใช้เงินลงทุน 550 ล้านบาท เปิดเมกาโฮม พัทยา ในวันที่ 5 ส.ค. นี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการ กลับมาเปิดสาขาใหม่ในรอบ 2 ปี หลังจากไวรัสโควิด
ไฟเขียวเอ็มโอยูไทย-ญี่ปุ่น
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและดิจิทัล ซึ่งจะเป็นบันทึกความร่วมมือแทนฉบับเดิมที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ลงนามไปเมื่อปี 2560 และได้สิ้นสุดอายุการบังคับเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2565 โดยกำหนดการลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ ฉบับใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 5 ส.ค.2565 ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทยของคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น