วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 25 พ.ย. 2564

 สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 

ห่วงไทยติดบ่วงหนี้รั้งฟื้นตัว
แบงก์อุ้ม 2 ล้านล.พ้นหน้าผา ชี้เจ้าสัวสอน '4 คำ' วิธีทำธุรกิจ
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยในงานสัมมนาบรรยายพิเศษ หัวข้อไทยแลนด์ 2022 เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ว่าหลังจากไทยได้เริ่มเปิดประเทศประเด็นสำคัญคือจะฟื้นตัวต่อไปได้อย่างไร เพราะยังเห็นถึงอุปสรรคจากการขาดดุลเงินสดของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังต้องติดตามจากปัจจุบันอยู่ที่ 90% ของจีดีพี มูลหนี้ 14.27 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะหนี้เอสเอ็มอีที่ตอนนี้เป็นหนี้ที่มีปัญหาทั้งเอ็นพีแอล และใกล้จะเป็นเอ็นพีแอลคือค้างตั้งแต่ 30-90 วันรวมกันถึง 20% หรือ 1 ใน 5 ของหนี้เอสเอ็มอี หากหนี้เอสเอ็มอีที่มีปัญหา 20% ยังมีปัญหาในช่วงนี้ที่ดอกเบี้ยระดับต่ำ หากปี 65 ดอกเบี้ยเริ่มทยอยปรับขึ้นแล้วจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างไรหรือไม่ ซึ่งเรื่องหนี้เอสเอ็มอีเป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข ยอมรับเป็นเรื่องทำได้ยาก

ดีอีเอสยกเครื่อง 1212 โอซีซี
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่าดีอีเอสได้ปรับโฉมศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ 1212 OCC ภายใต้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือเอ็ตด้าสู่การเป็นศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้เร็วยิ่งขึ้น เป็นการยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และขยายขอบเขตการช่วยเหลือครอบคลุมปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ปัญหาการฉ้อโกงเว็บไซต์ผิดกฎหมาย และแชร์ลูกโซ่ ฯลฯ

อมาโด้ส่ง 'อมาไพร' เกาะกระแสกัญชง
นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์อมาโด้ เปิดเผยว่าบริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นสมุนไพรในชื่อ อมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส ภายใต้แบรนด์อมาไพร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากกัญชงที่มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตของกัญชงที่จะเชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรม 5 กลุ่ม ได้แก่เครื่องดื่ม อาหาร ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล

จ๊าก! สร้างบ้านราคาขึ้น 5%
นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ในปี 65 คาดว่ากลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจะปรับขึ้นราคาการสร้างบ้านขึ้นอีก 5% หลังจากที่ตรึงราคามาอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และถือเป็นการปรับขึ้นมากกว่าปกติที่ปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 3%

เปิดแพลตฟอร์มช่วยชาวไร่อ้อย
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เตรียมเปิดแพลตฟอร์มตลาดกลางเครื่องจักร ที่ใช้ในไร่อ้อยบนเว็บไซต์ www.Raiaoi.com ในปี 65 เพื่อเป็นตลาดกลางเชื่อมโยงชาวไร่อ้อยกับผู้ประกอบการเครื่องจักรกลทั้งที่ขายและให้เช่าได้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน เป็นมาตรการส่งเสริมชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาลทรายมากขึ้น ผ่านการนำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาภาคการผลิต นอกเหนือจากมาตรการลดต้นทุนแก่ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดในอัตราเงินอุดหนุน 120 บาทต่อตันอ้อยอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน

ขุนคลังส่งสัญญาณลดแจกเงิน
ธปท.ห่วงเศรษฐกิจฟื้นแค่ตัวเลข
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยในงานเสวนาการเงิน-การคลัง กู้วิกฤติเศรษฐกิจไทยว่า มาตรการดูแลเศรษฐกิจระยะต่อไป การเยียวยาโอนเงินเข้ากระเป๋าจะทยอยลดลง เพราะถือเป็นมาตรการเฉพาะหน้าช่วยในช่วงคนตกงาน แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะต้องทำให้ทุกคนมีรายได้ของตัวเอง โดยเน้นมาตรการสร้างงานให้มากขึ้น รวมถึงเข้าไปลดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน เช่น การเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ในต้นปี 65 ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีรายได้น้อย

คงราคาประเมินที่ดินต่อ 1 ปี
นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่ยังส่งผลกระทบโดยรวมต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ คณะกรรมการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ จึงมีมติให้ขยายการใช้บัญชีราคาประเมินที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ในรอบบัญชีของปี 59-62 ต่อไปอีก 1 ปี จนถึงสิ้นปี 65 และจะมีการออกประกาศใช้บัญชีราคาประเมินที่ดินใหม่พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ 1 ม.ค.66 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนลดภาระจากราคาประเมิน รวมถึงการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีหน้า

อีอีซีร่วมมือไอซีบีซีไทย ดึงจีนจ่อตั้งกองทุนรวม
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า สกพอ.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี พร้อมผลักดันการลงทุนระหว่างนักลงทุนจากประเทศจีน และประเทศไทย โดยความร่วมมือครั้งนี้ จะมีระยะเวลา 3 ปีที่จะนำไปสู่การสร้างความร่วมมือ และสนับสนุนกิจกรรมที่สำคัญๆ จากทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะสร้างความร่วมมือและศึกษาการจัดตั้งและพัฒนากองทุนรวมตราสารทุน สร้างโอกาสการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี ในโครงการที่เหมาะสม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น